แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าต้นเพลิงเกิดจากบ้านของจำเลยแล้วไฟไหม้ลุกลามไปไหม้บ้านของโจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงได้รับประโยชน์จากข้อกฎหมายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84/1 โดยกรณีนี้ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ต้นเพลิงเกิดจากบ้านของจำเลยแล้วไฟไหม้ลุกลามไปไหม้บ้านของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดชอบเพราะถือว่าเป็นข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็นซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่โจทก์ จำเลยมีหน้าที่ต้องพิสูจน์เพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดถึงวันฟ้องเป็นเงินรวม 541,200 บาท ให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 528,000 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 534/19 จำเลยไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้บ้าน จำเลยออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่เวลา 2 นาฬิกา ก่อนออกจากบ้านได้ตรวจดูความเรียบร้อยภายในบ้านแล้ว จำเลยไม่ได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้บ้าน แต่เกิดจากเหตุสุดวิสัยที่จำเลยไม่อาจป้องกันได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าโจทก์เป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 534/10 ซอยสะพานยาวบ้านใหม่ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร จำเลยเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 534/19 ซอยสะพานยาวบ้านใหม่ แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ด้านหลังบ้านของโจทก์และจำเลยอยู่ติดกัน เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2555 เวลาประมาณ 8 นาฬิกา เกิดเพลิงไหม้บ้านของจำเลยแล้วลุกลามไหม้บ้านของโจทก์ได้รับความเสียหาย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84/1 บัญญัติว่า “คู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตน ให้คู่ความฝ่ายนั้นมีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น แต่ถ้ามีข้อสันนิษฐานไว้ในกฎหมายหรือมีข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็น ซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใด คู่ความฝ่ายนั้นต้องพิสูจน์แต่เพียงว่าตนได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งการที่ตนจะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานนั้นครบถ้วนแล้ว” เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าต้นเพลิงเกิดจากบ้านของจำเลยแล้วไฟไหม้ลุกลามไปไหม้บ้านของโจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงได้รับประโยชน์จากข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84/1 ดังกล่าว โดยกรณีนี้ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ต้นเพลิงเกิดจากบ้านจำเลยแล้วไฟไหม้ลุกลามไปไหม้บ้านของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดชอบเพราะถือว่าเป็นข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็นซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่โจทก์ จำเลยมีหน้าที่ต้องพิสูจน์เพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าว คดีนี้จำเลยนำสืบโดยอ้างตนเองเป็นพยาน และมีจ่าอากาศตรีศราวุธ บุตรชายจำเลยซึ่งนอนอยู่ในบ้านของจำเลยขณะเกิดเหตุเบิกความรับว่าต้นเพลิงเกิดจากในบ้านจำเลย แต่เชื่อว่าเหตุเกิดจากบุคคล ภายนอกทิ้งก้นบุหรี่ที่บริเวณต้นเพลิง จำเลยจึงต้องพิสูจน์ให้เห็น แต่ตามพยานหลักฐานของจำเลยไม่ปรากฏ จึงเป็นเพียงคำกล่าวอ้างลอยๆ เท่านั้น พยานจำเลยจึงไม่อาจหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์
มีปัญหาวินิจฉัยต่อไปว่า ค่าเสียหายของโจทก์เพียงใด โจทก์นำสืบโดยมีตัวโจทก์เบิกความว่า บ้านพักของโจทก์เสียหายทั้งหลัง เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ทรัพย์สินของโจทก์ที่เก็บไว้ในบ้านเสียหายทั้งหมด คิดเป็นเงินรวม 500,000 บาท โจทก์ซ่อมแซมจนพักอาศัยอยู่ได้ตามสภาพเดิมก่อนถูกไฟไหม้เป็นเงิน 448,325 บาท โดยมีหลักฐานใบเสร็จรับเงินบางส่วนประมาณ 200,000 บาท โจทก์ขอคิดค่าเสียหายรวม 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 12,500 บาท นอกจากนี้โจทก์ขอคิดค่าขาดประโยชน์จากค่าเช่าบ้าน เดือนละ 7,000 บาท เป็นเวลา 4 เดือน เป็นเงิน 28,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ถึงวันฟ้องเป็นเงินรวม 28,700 บาท จำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาได้ตรวจพิเคราะห์เอกสารค่าใช้จ่าย รูปภาพบ้านที่ก่อสร้างโดยละเอียดแล้ว เห็นว่า ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาเหมาะสมแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้ว ทั้งจำเลยไม่นำสืบคัดค้าน จึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ตามฟ้อง ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 541,200 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 528,000 บาท นับจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 8 มิถุนายน 2555) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 10,000 บาท