คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3480/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้จำเลยได้รับมอบฉันทะจากโจทก์ให้ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ ในคดีล้มละลายที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดบริษัท ส.แต่จำเลยไม่ไปตามที่ได้รับมอบฉันทะจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าบริษัท ส.เองก็ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่จะยึดมาชำระหนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ ทั้งหลาย และปัจจุบันก็ได้ปิดกิจการทิ้งร้างไปแล้ว ดังนั้นหากจำเลยไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดโจทก์ก็ไม่อาจได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของบริษัทนั้นได้ เมื่อโจทก์ไม่มีทางจะได้รับชำระหนี้จากบริษัทลูกหนี้ผู้ล้มละลายแม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์แต่ก็ไม่มีความเสียหายที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์ฟ้องบริษัทสหผลการสุรา จำกัดขอให้เป็นบุคคลล้มละลายศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่27 ธันวาคม 2532 โจทก์จึงมอบฉันทะให้จำเลยซึ่งมีตำแหน่งเป็นสรรพสามิตจังหวัดปราจีนบุรี อยู่ในสังกัดของโจทก์ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด2 เดือน นับแต่วันประกาศโฆษณา คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของบริษัทสหผลการสุราจำกัด โจทก์ไม่อาจได้รับชำระหนี้จำนวน 3,854,555.53 บาทพร้อมดอกเบี้ย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยถึงแก่ความตาย นางวิไล โพธิเวชกุลภรรยาและผู้จัดการมรดกของจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งว่าการที่จำเลยซึ่งได้รับมอบฉันทะจากโจทก์ไม่ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามที่ได้มอบหมายในคดีล้มละลายที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดบริษัทสหผลการสุราจำกัดจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายนั้นเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์เสียหายเพียงใด เห็นว่า ได้ความจากทางนำสืบของโจทก์เองว่าบริษัทสหผลการสุรา จำกัด ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่จะยึดมาชำระหนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลาย และปัจจุบันก็ได้ปิดกิจการทิ้งร้างไปแล้ว ซึ่งหากจำเลยจะได้ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดโจทก์ก็ไม่อาจได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของบริษัทนั้นได้ดังนั้น เมื่อโจทก์ไม่มีทางจะได้รับชำระหนี้จากบริษัทลูกหนี้ผู้ล้มละลาย แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์แต่ก็ไม่มีความเสียหายที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share