แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำว่า บุคคลวิกลจริต ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 29 นั้น มิได้หมายเฉพาะถึงบุคคลผู้มีจิตผิดปกติหรือตามที่เข้าใจกันทั่วๆ ไปว่าเป็นบ้า เท่านั้นไม่ แต่หมายรวมถึงบุคคลที่มีกิริยาอาการผิดปกติเพราะสติวิปลาส คือ ขาดความรำลึก ขาดความรู้สึกและขาดความรับผิดชอบด้วย เพราะบุคคลดังกล่าวนี้ไม่สามารถประกอบกิจการของตนหรือประกอบกิจส่วนตัวของตนได้ทีเดียว
มารดาผู้ร้องและผู้คัดค้านมีอาการไม่รู้สึกตัวเอง ไม่รู้จักสถานที่และเวลาพูดจารู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างซึ่งนายแพทย์เรียกอาการเช่นนี้ว่า สมองเสื่อมหรือวิกลจริตและไม่มีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้ ทั้งเดินทางไปไหนไม่ได้อีกด้วย แสดงให้เห็นว่ามารดาผู้ร้องเป็นคนไม่มีสติสัมปชัญญะ ไร้ความสามารถที่จะดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองได้ พอถือได้ว่าเป็นบุคคลวิกลจริตตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 29 แล้ว(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 490/2509 ประชุมใหญ่)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนางแข ดิสป้อมหรือดิษฐป้อมซึ่งมีอายุ 92 ปี นางแขเป็นบุคคลวิกลจริต ไม่มีความรู้สึกผิดชอบ พูดจาไม่รู้เรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งว่านางแขเป็นคนไร้ความสามารถ และอยู่ในความอนุบาลของผู้ร้อง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้อนุบาล แต่ควรตั้งผู้คัดค้านซึ่งเป็นบุตรคนโตเป็นผู้อนุบาลนางแข ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง หรือมีคำสั่งตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้อนุบาลด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องและของผู้คัดค้าน
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่าบุคคลวิกลจริตตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 29 นั้น มิได้หมายเฉพาะถึงบุคคลผู้มีจิตผิดปกติ หรือตามที่เข้าใจกันทั่ว ๆ ไปว่าเป็นบ้าเท่านั้นไม่ แต่หมายรวมถึงบุคคลที่มีกิริยาอาการผิดปกติเพราะสติวิปลาส คือ ขาดความรำลึก ขาดความรู้สึกและขาดความรับผิดชอบด้วย เพราะบุคคลดังกล่าวนี้ไม่สามารถประกอบกิจการของตนหรือประกอบกิจการของตนหรือประกอบกิจส่วนตัวของตนได้ทีเดียว ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 490/2509 นาวาเอกอาทิตย์ ศรีศุกรี กับพวก ผู้ร้องเมื่อข้อเท็จจริงตามทางใต่สวนฟังได้ว่า นางแขมารดาผู้ร้องและผู้คัดค้านไม่รู้สึกตัวเอง ไม่รู้สึกสถานที่และเวลาพูดจารู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ซึ่งทางแพทย์เรียกอาการเช่นนี้ว่า สมองเสื่อมหรือวิกลจริตและไม่มีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้ทั้งนางแขก็เดินทางไปไหนไม่ได้อีกด้วย แสดงให้เห็นว่านางแขเป็นคนไม่มีสติสัมปชัญญะไร้ความสามารถที่จะดำเนินกิจการทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองได้ พอถือได้ว่าเป็นบุคคลวิกลจริตตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 29 แล้ว คดีนี้ศาลล่างทั้งสองยังมิได้วินิจฉัยว่าจะสมควรตั้งผู้ร้องหรือผู้คัดค้านเป็นผู้อนุบาลนางแข ซึ่งศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหานี้ไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวน ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วเห็นว่าผู้ร้องสมควรเป็นผู้อนุบาลนางแขยิ่งกว่าผู้คัดค้าน
พิพากษาแก้ให้นางแข ดิสป้อมหรือดิษฐป้อม เป็นผู้ไร้ความสามารถโดยให้นางทองหล่อ สายชู ผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลของนางแข และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์