คำสั่งคำร้องที่ 256/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี 4 เดือน กรณีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงรับฎีกาจำเลยที่ 1 เฉพาะในส่วนที่ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(8) หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อกฎหมาย ฎีกาส่วนอื่นนอกจากนี้เป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับ
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 ในส่วนอื่น นอกจากส่วนที่เป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลได้สั่งรับไว้แล้วนั้นก็เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอีกเช่นกันโดยมีประเด็นว่าศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226,227 หรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ในส่วนนี้ไว้อีกโสดหนึ่งด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 83)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(8)(11) ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(8) จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ5 ปี จำเลยทั้งสองเคยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 81)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 83)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์นำเอาคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ในชั้นสอบสวนมาฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ชอบนั้นเห็นว่าเป็นการโต้แย้งการใช้ดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ให้ยกคำร้อง

Share