แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยมีทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 85)
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ให้จำเลยชำระเงิน80,000 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากเงินต้นดังกล่าวคิดตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2533จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 75)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 78)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว แม้ฎีกาของจำเลยหน้า 4 และหน้า 5 จะอ้าง บทกฎหมายขึ้นมาสนับสนุน แต่สาระสำคัญก็เป็นการโต้แย้ง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า การแตกร้าวของบ้านพิพาทและความเสียหาย ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากโจทก์ จึงเป็นการเถียงข้อเท็จจริง ที่ต้องห้ามฎีกาเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย มีผล อย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง