คำสั่งคำร้องที่ 246/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริง สำหรับคดีส่วนอาญาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ส่วนคดีแพ่งทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองแสนบาท และเป็นการฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกิน เดือนละหนึ่งหมื่นบาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว จึง ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า คดีนี้จำเลยต่อสู้โดยอาศัยสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ทั้งนี้โดยจำเลยได้เข้าครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนา เป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่าสิบปีจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว และปัญหาเกี่ยวกับประเด็นนี้ ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อกฎหมายที่สมควรได้รับการพิจารณาวินิจฉัยในชั้นศาลฎีกาเป็นอย่างยิ่ง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 129)
คดีส่วนอาญา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362,365(3) จำคุก 6 เดือนปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30ให้จำเลย และบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์เฉพาะส่วนที่พิพาทตามฟ้อง และให้จำเลยรื้อถอนบ้านพักอาศัยและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ออกไปให้พ้นที่ดินของโจทก์ดังกล่าว และห้ามไม่ให้จำเลย และบริวารเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครอง ที่ดินของโจทก์ดังกล่าว และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ เป็นเงิน เดือนละ 300 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะหยุดการรบกวนการครอบครองของโจทก์ เฉพาะส่วนที่พิพาทตามฟ้องโดยสิ้นเชิง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 124)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 127)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังว่า จำเลยอาศัยที่ดินพิพาท ชั่วคราวจำเลยเถียงว่าจำเลยอยู่อาศัยอย่างเป็นเจ้าของ เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการวินิจฉัยพยานหลักฐานเป็นปัญหา ข้อเท็จจริง ดังนั้นจึงต้องห้ามฎีกาดังที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง มานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share