คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บทบัญญัติมาตรา 52 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2522 ที่ว่า “ให้ข้าราชการหรือลูกจ้างที่โอนไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ กปภ.ตามวรรคหนึ่ง ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เท่าที่เคยได้รับอยู่เดิมไปพลางก่อนจนกว่าผู้ว่าการจะได้บรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แต่จะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ได้รับอยู่เดิมไม่ได้ มีความหมายว่าข้าราชการหรือลูกจ้างที่จะโอนไปเป็นพนักงานของจำเลย จะได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่เคยได้รับอยู่เดิมเมื่อยังไม่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลย แต่เมื่อได้รับการบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยแล้ว คงมีเงื่อนไขว่าจะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเดิมไม่ได้ โดยไม่รวมถึงสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ ด้วย
เดิมโจทก์รับราชการอยู่กองประปา ชนบท กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน แต่ตามคำฟ้องไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าค่าเช่าบ้านดังกล่าวเป็นค่าจ้างจึงถือว่าเป็นเงินสวัสดิการ จัดเป็นเงินประเภท “สิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ” ตามพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค มาตรา 52 วรรคสาม ดังนั้น เมื่อโจทก์โอนมาเป็นพนักงานของจำเลยและได้รับบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยแล้ว โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องค่าเช่าบ้านที่ได้รับอยู่เดิมจากจำเลยได้
ข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านของผู้ปฏิบัติงาน พ.ศ. 2523 ข้อ 5(2) กำหนดว่า “ผู้ซึ่ง กปภ.บรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกในท้องที่ใดและยังคงปฏิบัติงานประจำในท้องที่นั้น ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน” ดังนั้น เมื่อโจทก์ได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกใน กรุงเทพมหานคร และยังคงปฏิบัติงานประจำอยู่ในกรุงเทพมหานคร โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าบ้าน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๒ จำเลยได้รับโอนโจทก์มาจากกองประปาชนบท กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มาเป็นพนักงานของจำเลย ก่อนโจทก์โอนมาเป็นพนักงานของจำเลย โจทก์ได้รับค่าเช่าบ้านเดือนละ ๒๘๖ บาท เมื่อโอนมาเป็นพนักงานของจำเลยแล้ว จำเลยได้จ่ายค่าเช่าบ้านให้โจทก์เดือนละ ๒๘๖ บาท จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๒๒ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๒ จำเลยระงับการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านให้โจทก์โดยออกข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านของผู้ปฏิบัติงาน พ.ศ. ๒๕๒๓ และต่อมาได้ประกาศใช้ข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านของผู้ปฏิบัติงาน พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็นเหตุให้โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน เป็นการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ไม่เป็นคุณแก่โจทก์ และขัดต่อพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๒ วรรคสาม ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเช่าบ้านพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลแรงงานกลางรับฟังว่า เดิมโจทก์รับราชการอยู่ที่กองประปากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านเดือนละ๒๘๖ บาท เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๒ โจทก์ได้โอนมาเป็นพนักงานของจำเลย นับตั้งแต่วันโอนมาจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๒๒ โจทก์ไม่เคยได้รับเงินค่าเช่าบ้านจากจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องซึ่งเท่ากับศาลแรงงานกลางฟังว่า ในทางปฏิบัติระหว่างโจทก์และจำเลยไม่เคยมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมาก่อนว่าจำเลยได้จ่ายค่าเช่าบ้านให้แก่โจทก์ ดังนั้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างในทางที่ไม่เป็นคุณแก่โจทก์ อันเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘
ปัญหาว่า การที่จำเลยไม่จ่ายค่าเช่าบ้านให้โจทก์ตามสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่เดิมถือว่าเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๒ วรรคสาม หรือไม่ พิเคราะห์แล้วตามบทมาตราดังกล่าวบัญญัติไว้ว่า
“ให้ข้าราชการหรือลูกจ้างที่โอนไปเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ กปภ. ตามวรรคหนึ่ง ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่เคยได้รับอยู่เดิมไปพลางก่อนจนกว่าผู้ว่าการจะได้บรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แต่จะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ได้รับอยู่เดิมไม่ได้”
ตามบทบัญญัติข้างต้นย่อมมีความหมายว่า ข้าราชการหรือลูกจ้างที่จะโอนไปเป็นพนักงานของจำเลย จะได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างรวมทั้งสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่เคยได้รับอยู่เดิมเมื่อยังไม่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าราชการของจำเลย แต่เมื่อได้รับการบรรจุแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยแล้ว คงมีเงื่อนไขว่าจะแต่งตั้งให้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างต่ำกว่าเดิมไม่ได้ โดยไม่รวมถึงสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ ด้วย ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้รับบรรจุและแต่งตั้งจากผู้ว่าการของจำเลยให้เป็นนายช่างโยธา ฝ่ายประปาชนบท ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤษถาคม ๒๕๒๒ตามสำเนาคำสั่งการประปาส่วนภูมิภาค ที่ ๑๕/๒๕๒๒ เรื่อง บรรจุและแต่งตั้งพนักงานเอกสารหมาย ล.๔ นับแต่วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๒เป็นต้นมา โจทก์ไม่อาจเรียกร้องสิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ เท่ากับที่ได้รับอยู่เดิมเว้นแต่เงินเดือนหรือค่าจ้าง ค่าเช่าบ้านที่โจทก์เรียกร้องมาในคดีนี้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในคำฟ้องว่าเป็นค่าจ้างจึงถือว่าเป็นเงินสวัสดิการจัดเป็นเงินประเภท “สิทธิและประโยชน์ต่าง ๆ” ซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยได้ การที่จำเลยไม่จ่ายค่าเช่าบ้านให้โจทก์ จึงหาขัดต่อพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕๒ วรรคสาม ไม่
ส่วนปัญหาว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านตามข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาคว่าด้วยการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านของผู้ปฏิบัติงาน พ.ศ. ๒๕๒๓ เอกสารหมาย ล.๑ หรือไม่ เห็นว่ากรณีนี้ตามข้อบังคับดังกล่าวได้กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าเช่าบ้านไว้ในข้อ ๕(๒) ว่าผู้ซึ่ง กปภ.บรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกในท้องที่ใด และยังคงปฏิบัติงานประจำในท้องที่นั้น ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน ซึ่งศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้รับบรรจุและแต่งตั้งให้เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกในกรุงเทพมหานครและยังคงปฏิบัติงานประจำอยู่ในกรุงเทพมหานคร จึงฟังได้ว่าตามข้อบังคับดังกล่าวข้อ ๕(๒) โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าเช่าบ้าน การที่จำเลยไม่จ่ายค่าเช่าบ้านให้โจทก์จึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตามข้อบังคับแล้ว และไม่เป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๒๐
พิพากษายืน.

Share