แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฯพิพากษาแก้จากริบของกลางเป็นไม่ริบของกลาง จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปีปรากฏว่าฎีกาของจำเลยแม้อ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย แต่เนื้อหาเป็นการคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลล่างวินิจฉัยคดีโดยฝ่าฝืนต่อพยานหลักฐานในสำนวน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้วินิจฉัยต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 81)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,15,66 วรรคหนึ่ง,102ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฯลฯ จำคุกกระทงละ 5 ปีรวมจำคุก 10 ปี คำรับของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน และให้ริบของกลางยกเว้นธนบัตรของกลางคืนเจ้าของ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 80)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 81)
คำสั่ง
จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานตามที่โจทก์นำสืบมาไม่น่าเชื่อเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง