แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 24 กันยายน 2514 ข้อ 10 ทวิ กำหนดให้โจทก์มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทางการเมือง หาได้กำหนดให้โจทก์มีหน้าที่เกี่ยวกับโครงการสร้างงานในชนบทไม่ และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการสร้างงานในชนบท พ.ศ.2425 ข้อ 6 วรรคสอง ซึ่งกำหนดว่า “ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการ กสช.” ก็หมายถึงให้โจทก์ทำหน้าที่ในด้านธุรการเกี่ยวกับโครงการสร้างงานในชนบทเท่านั้น หาได้กำหนดให้โจทก์มีหน้าที่รับผิดชอบหรือควบคุมการดำเนินการตามโครงการสร้างงานในชนบทไม่ และตามระเบียบฯ ดังกล่าวข้อ 40 ยังได้กำหนดว่า หากมีข้อร้องเรียนหรือพฤติการณ์ที่แสดงว่ามีการทุจริตหรือมีการปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการสอบสวนเพื่อทราบข้อเท็จจริง แล้วรายงานประธาน กสช. ทราบโดยเร็ว ไม่ได้กำหนดให้รายงานให้โจทก์ทราบแต่อย่างใด ทั้งเงินที่ถูกทุจริตละเมิดเอาไปไม่ใช่เงินที่อยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้องของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้มีผลถึงจำเลยที่ขาดนัดยื่อคำให้การและขาดนัดพิจารณาได้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทางการเมืองและราชการอื่นตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับโครงการสร้างงานในชนบท ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๑๘ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๑๔ และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยโครงการสร้างงานในชนบท พ.ศ.๒๔๒๕ ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ดำรงตำแหน่งนายอำเภทกุมภวาบี จังหวัดอุดรธานี และเป็นประธานคณะกรรมการสร้างงานในชนบทระดับอำเภอ อำเภอกุมภวาบี จำเลยที่ ๒ ดำรงตำแหน่งพัฒนาการอำเภอกุมภวาบีเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการสร้างงานในชนบทระดับอำเภอ อำเภอกุมภวาบี จำเลยที่ ๓ ดำรงตำแหน่งเสมียนตราอำเภอกุมภวาบี เป็นกรรมการในคณะกรรมการสร้างงานในชนบทระดับอำเภอ อำเภอกุมภวาบี จำเลยที่ ๔ ดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอกุมภวาบี เป็นกรรมการในคณะกรรมการสร้างงานในชนบทระดับอำเภอ อำเภอกุมภวาบี และจำเลยทั้งสี่เป็นคณะกรรมการเก็บรักษาเงินตามโครงการสร้างงานในชนบทระดับอำเภอ อำเภอกุมภวาบี จำเลยทั้งสี่ได้ปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่โดยมิชอบ โดยทุจริตและยักยอกทรัพย์ของโจทก์หลายครั้ง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น ๑,๕๓๔,๕๑๖ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันและแทนกันชดใช้เงินจำนวน ๑,๕๓๔,๕๑๖ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินแต่ละรายการนับแต่วันที่เบิกเอาเงินไปจนถึงวันที่ชดใช้เงินคืนให้แก่โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ปฏิบัติหน้าที่ชอบด้วยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการสร้างงานในชนบท พ.ศ.๒๔๒๕ แล้ว แต่โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ ๓ แต่เพียงผู้เดียว จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ จึงไม่ต้องร่วมรับผิด โครงการสร้างงานในชนบท พ.ศ.๒๔๒๕ ดำเนินงานโดยคณะกรรมการสร้างงานในชนบทขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ขึ้นตรงต่อโจทก์ เงินงบประมาณตามฟ้องอยู่ในความรับผิดชอบของจังหวัดอุดรธานี โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง และคดีขาดอายุความ
จำเลยที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๓ ใช้เงินจำนวน ๑,๕๓๔,๕๑๖ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๔๒๕ เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ ๓ ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ ๑ ร่วมรับผิดใช้เงินแก่โจทก์จำนวน ๔๕๓,๔๔๖ บาท ให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดใช้เงินแก่โจทก์จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันดังกล่าวจนกว่าจะชำระเสร็จตามส่วนของความรับผิด
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๑๘ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๑๕ ข้อ ๑๐ ทวิ ที่แก้ไขแล้ว กำหนดให้โจทก์มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทางการเมือง หาได้มีข้อความกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่เกี่ยวกับโครงการสร้างงานในชนบทไม่และโครงการสร้างงานในชนบทของอำเภอกุมภวาบี จังหวัดอุดรธานี ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยโครงการสร้างงานในชนบท พ.ศ.๒๕๒๔ ซึ่งที่เกี่ยวข้องกับโจทก์ก็มีเพียงที่กำหนดไว้ในข้อ ๖ วรรคสอง ว่า “ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการ กสช.” เท่านั้น ซึ่งก็หมายถึงให้โจทก์ทำหน้าที่ในด้านธุรการเกี่ยวกับโครงการสร้างงานในชนบท หาได้กำหนดให้โจทก์มีหน้าที่รับผิดชอบหรือควบคุมการดำเนินการตามโครงการสร้างงานในชนบทไม่ แม้แต่ตามระเบียบฯ ดังกล่าว ข้อ ๔๐ ยังได้กำหนดว่าหากมีข้อร้องเรียนหรือพฤติการณ์ที่แสดงว่ามีการทุจริตหรือมีการปฏิบัติหรือฝ่าฝืนระเบียบนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการสอบสวนเพื่อทราบข้อเท็จจริง แล้วรายงานประธาน กสช. ทราบโดยเร็ว ไม่ได้กำหนดให้รายงานให้โจทก์ทราบแต่อย่างใด ทั้งเงินงบประมาณที่จัดสรรไว้เป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการสร้างงานในชนบทได้กำหนดไว้ในงบกลาง ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๔๒๕ ไม่ได้กำหนดไว้เป็นงบประมาณที่อยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ และเงินงบประมาณที่ถูกละเมิดทุจริตเอาไปกระทรวงการคลังได้สั่งจ่ายไปอยู่ในความรับผิดชอบของจังหวัดอุดรธานีแล้ว ส่วนเงินประกันสัญญาในการทำสัญญาสั่งจ้างตามโครงการสร้างงานในชนบทที่สภาตำบลต่าง ๆ รับมาจากผู้รับจ้าง ก็เป็นเงินที่เกี่ยวกับโครงการสร้างงานในชนบทจึงอยู่ในความรับผิดชอบควบคุมดูแล้วของจังหวัดอุดรธานีด้วยไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง และเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ ๓ จะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยให้มีผลถึงจำเลยที่ ๓ ได้ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๓ เสียด้วย.