คำสั่งคำร้องที่ 2292/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่ออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท และฎีกาของโจทก์ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก และวรรคสอง ที่แก้ไขแล้ว ไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์มีทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายรวมกันไปทั้งสองอย่าง ซึ่งหาได้มีแต่เพียงปัญหาข้อเท็จจริงแต่เพียงอย่างเดียวไม่ จึงเป็นกรณีที่ไม่ต้องห้ามฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 102)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองและบริวาร ขนย้ายทรัพย์สินของตนออกจากบ้านและที่ดินพิพาทตามฟ้อง ให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา และให้ จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ชำระเงินค่าเสียหายแก่โจทก์วันละ 150 บาท นับตั้งแต่วันที่ 26 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2532 เป็นต้นไปติดต่อกันไปทุกวันจนถึงวันที่จำเลยและบริวารจะได้ย้ายออกจากบ้านและที่ดินพิพาทเสร็จสิ้น
จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การและฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ และให้เพิกถอนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินเลขที่ 21370 เลขที่ดิน 460ตำบลแม่แฝก อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นชื่อของนางเป็งเมฆวงค์ จำเลยที่ 1 ทั้งนี้ให้โจทก์ทำการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 ภายใน 7 วัน หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 98)
โจทก์จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่ง (คำร้อง) นี้ โดยเสียค่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่งมา 200 บาท (อันดับ 100)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาโจทก์ทุกข้อโต้แย้งว่าพยานหลักฐานของโจทก์น่ารับฟังมากกว่าของจำเลย เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท และอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท ต้องห้ามฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกและวรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share