คำสั่งคำร้องที่ 2238/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่ากรณีเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกา ไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3)และศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ตามมาตรา 329(2) จึงเป็นการวินิจฉัยโดยอาศัยข้อกฎหมายที่แตกต่างกัน และการกระทำของจำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งไม่ต้องตามมาตรา 329(2)(3) แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 326,328 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 48)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยกระทำโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนที่อยู่ในฐานะเช่นจำเลยย่อมกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3) ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 43)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 46)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ หาใช่กล่าวโดยสุจริตหรือแสดงความเห็นโดยสุจริตเพื่อความเป็นธรรมป้องกันส่วนได้เสียของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เช่นนี้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมา ฎีกาของโจทก์หาใช่ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังที่โจทก์กล่าวอ้างไม่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share