คำสั่งคำร้องที่ 2201/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 4 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก จำเลยไม่เกิน 5 ปี ฎีกาของจำเลยที่ 4 ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จึงไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 4 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 4 ในประเด็นที่ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องหรือไม่นั้น เป็นประเด็นหารือบทกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 จึงเป็นปัญหา ข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 4ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 158 แผ่นที่ 3-4)
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 3 หลบหนีจึงให้ จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ที่แก้ไขแล้ว ให้จำคุก 6 ปีจำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149ประกอบ มาตรา 86 ที่แก้ไขแล้ว ให้จำคุก 4 ปี ยกฟ้องโจทก์สำหรับ จำเลยที่ 2
และต่อมาเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2533 จำเลยที่ 3เข้ามอบตัว ศาลชั้นต้นจึงยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป และศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 4 ต่างยื่นฎีกาและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 4 มีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 151,152)
จำเลยที่ 4 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 155)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้จับรถบรรทุกดินและคนของผู้เสียหาย ในข้อหาขุดดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำเลยที่ 4ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่เจ้าพนักงานและไม่ได้จับรถบรรทุกดินและ คนของผู้เสียหาย เป็นฎีกาที่โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมา จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 4ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share