คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การซื้อเรือนจากศาลขายทอดตลาด แต่ศาลยังมิได้สั่งให้ไปทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน ไม่เป็นเหตุให้การขายทอดตลาดของศาลเป็นโมฆะ. ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อแย้งกันมา โดยที่คู่ความมิได้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงที่วินิจฉัยนั้นได้.

ย่อยาว

จำเลยประมูลซื้อเรือนจากศาลขายทอดตลาดได้ แต่ศาลยังมิได้สั่งให้ทำสัญญาขายให้จำเลยต่อเจ้าพนักงาน ต่อมาจำเลยจำนองเรือนที่รับซื้อทอดตลาดไว้แก่โจทก์ แล้วผิดสัญญาจำนอง โจทก์ฟ้องขอบังคับจำนองและยึดเรือนเพื่อขายทอดตลาดในคดีบังคับจำนอง.
ผู้ร้องจึงคัดค้านว่า ที่จำเลยซื้อเรือนจากศาลขายทอดตลาดเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๓ นั้นจำเลยซื้อแทนสมเด็จกรมพระสวัสดิ์ฯ โดยพระประสงค์ที่จะช่วยเหลือผู้ร้อง ต่อมาผู้ร้องได้ซื้อจากสมเด็จกรมพระสวัสดิ์ฯ และครอบครองตลอดมา และคัดค้านว่าที่จำเลยซื้อเรือนแทนกรมพระสวัสดิ์ฯ มิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานเป็นโมฆะ ทั้งเมื่อซื้อแล้วมิได้เกี่ยวข้องแก่เรือนที่พิพาท เป็นการขาดอายุความแล้ว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขัดทรัพย์.
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อที่ศาลยังมิได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำสัญญาซื้อขายเรือนนั้น ตามแบบอย่างฎีกาที่ ๑๓๒ พ.ศ.๒๔๗๗ และฟังว่าจำเลยซื้อเรือนในนามของตนเอง พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น.
ผู้ร้องฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของผู้ร้องที่ว่าจำเลยซื้อเรือนจากขายทอดตลาดแต่มิได้ทำหนังสือสัญญาและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานนั้น การที่ศาลมิได้สั่งให้ไปทำสัญญา ซื้อขายและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่เป็นเหตุให้การขายทอดตลอดของศาลเป็นโมฆะ ฏีกาข้อที่ว่าศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ซื้อเรือนแทนกรมพระสวัสดิ์ฯ โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ความข้อนี้นั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยขัดกัน คือว่าจำเลยซื้อแทนกรมพระสวัสดิ์ฯ และผู้ร้องซื้อจากกรมพระสวัสดิ์ฯ แล้วกลับวินิจฉัยว่าผู้ร้องได้อยู่ในเรือนที่พิพาทโดยทางเช่าหรืออาศัย ศาลอุทธรณ์จึงได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ เมื่อมีเหตุเช่นที่กล่าวนี้ แม้จะมิได้มีฝ่ายใดอุทธรณ์ในข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจตามกฏหมายที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงนั้นได้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง.

Share