คำสั่งคำร้องที่ 2176/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามคำร้องขอให้รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงของจำเลยได้ขอให้ผู้พิพากษาคนใดคนหนึ่งตามที่ระบุชื่อไว้จำนวน 5 คนเป็นผู้รับรองฎีกา ให้จำเลยและได้ระบุชื่อ ส. ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นไว้ด้วย เมื่อ ส. ได้สั่งคำร้องนี้แล้ว ศาลชั้นต้นไม่จำต้องส่งคำร้องของจำเลยไปให้ผู้พิพากษาอีก4 คน เพื่อพิจารณารับรองฎีกา

ย่อยาว

ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าพิเคราะห์ฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้วเห็นว่า ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ไม่รับฎีกา
จำเลยทั้งสามเห็นว่า ฎีกาของจำเลยบางส่วนเป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยเฉพาะข้อ (ก) และ (ค) ความละเอียดปรากฏในฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้วและการที่จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ทั้งในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อผู้พิพากษาศาลชั้นต้นท่านแรกมีคำสั่งไม่รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ควรจะต้องส่งฎีกาและคำร้องขอให้รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไปยังผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 ตามที่จำเลยทั้งสามกล่าวนามในคำร้องอีก 4 ท่าน เพื่อพิจารณารับรองฎีกาของจำเลย แต่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นก็หาได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายไม่โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยทั้งสามและยกเลิกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาและคำร้องขอให้รับรองฎีกาต่อไปให้ผู้พิพากษาอีก 4 ท่าน เพื่อท่านใดท่านหนึ่งจะเห็นสมควรรับรองฎีกาของจำเลยทั้งสามในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำสู่การพิจารณาของศาลฎีกาต่อไป โปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 55)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11, 69 วรรคสอง, 73 วรรคสอง,74, 74 ทวิ, 74 จัตวา และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมฐานทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ฐานมีไม้ยังไม่ได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 3 ปีจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาของจำเลยทั้งสามไปให้นายวิวรรต นิ่มละมัย หรือนางสาวสุนิสา สมประสงค์ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้น หรือนายกำธร โพธิ์สุวัฒนากุล หรือนางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล หรือนายศักดิ์ชัย ทัศนชัยกุลซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์ฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้ว เห็นว่าไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา ไม่อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 51, 50)
จำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 55)

คำสั่ง
วันที่ 17 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2538
พิเคราะห์แล้ว ข้อที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าเมื่อศาลชั้นต้นโดยนางสาวสุนิสา สมประสงค์ มีคำสั่งไม่รับรองฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้วนางสาวสุนิสาจะต้องส่งคำร้องขอให้รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไปให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 อีก 4 คน เพื่อพิจารณารับรองฎีกาของจำเลยทั้งสามต่อไปนั้น เห็นว่า ตามคำร้องขอให้รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงของจำเลยทั้งสามได้ขอให้ผู้พิพากษาคนใดคนหนึ่งตามที่ระบุชื่อไว้จำนวน 5 คน เป็นผู้รับรองฎีกาให้จำเลยทั้งสาม และได้ระบุชื่อนางสาวสุนิสาผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นไว้ด้วย เมื่อนางสาวสุนิสาได้สั่งคำร้องนี้แล้ว ศาลชั้นต้นไม่จำต้องส่งคำร้องของจำเลยทั้งสามไปให้ผู้พิพากษาอีก 4 คน เพื่อพิจารณารับรองฎีกาของจำเลยทั้งสามอีกต่อไป ส่วนที่จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่าเป็นฎีกาข้อกฎหมายนั้น เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสาม ข้อ 2(ก) และ(ค) ที่ว่า ไม้ที่จำเลยที่ 1ตัดไม่ใช่ไม้ในป่า จำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าเป็นไม้หวงห้ามจำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองไม้ของกลางเพียงคนเดียวจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ใช่ผู้ครอบครองด้วย และหากจำเลยที่ 2 และที่ 3เป็นเจ้าของไม้และครอบครองด้วยก็ต้องแบ่งกันรับผิด จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 69 วรรคแรก และมาตรา 73 วรรคแรก นั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันทำไม้และมีไม้หวงห้ามตามฟ้องไว้ในครอบครอง จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง ทั้งในชั้นอุทธรณ์จำเลยทั้งสามเพียงแต่อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ดังนี้จำเลยทั้งสามจะฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นดังที่ฎีกามาอีกไม่ได้เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย และเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสามนั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ให้ยกคำร้อง

Share