แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่าง และให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี ตามศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ฎีกาของจำเลยโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานของศาล เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้าม จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้รับฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า พยานโจทก์ทั้งหมดเบิกความขัดกันอย่างสิ้นเชิง มีพิรุธ น่าสงสัย สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ฎีกาของจำเลยจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 79)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15,66 วรรคแรก ฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1โดยไม่ได้รับอนุญาตและโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย รวมสองกระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวมสองกระทงจำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงลงโทษจำคุก 6 ปี 8 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 75,77)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 79)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยให้ลงโทษจำคุกจำเลยความผิดกระทงละไม่เกิน 5 ปี คู่ความย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงชอบแล้วให้ยกคำร้อง