คำสั่งคำร้องที่ 2055/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของผู้ร้องเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคท้าย จึงไม่รับผู้ร้องเห็นว่า ฎีกาของผู้ร้องเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าผู้ร้องสามารถแสดงอำนาจพิเศษได้ว่ามิใช่บริวารของจำเลยเพราะการที่ผู้ร้องเช่าช่วงตึกพิพาทของโจทก์จากจำเลย ก็ได้รับความยินยอมจากโจทก์แล้ว จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538 ที่จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือสัญญาเช่าต่อกัน อีกทั้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา มิได้กำหนดให้ผู้ร้องแสดงสัญญาเช่าช่วงกับจำเลย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 57)กรณีสืบเนื่องจากโจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ข้อ 1 จำเลยยอมขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของพร้อมกับบริวารออกไปจากตึกแถวเลขที่ 81/3 และ 81/4 หมู่ที่ 6 ถนนเอกชัย แขวงบางบอนเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ของโจทก์และส่งมอบตึกแถวดังกล่าวในสภาพที่เรียบร้อยให้โจทก์ภายในวันที่ 30 มิถุนายน2531 หากจำเลยผิดนัดตามข้อ 1 จำเลยยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที และจะไม่เรียกค่าขนย้ายจำนวน 10,000 บาท จากโจทก์
ศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดีไปตามยอมแล้ว
ต่อมาโจทก์อ้างว่า จำเลยไม่ขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของพร้อมด้วยบริวารออกไปจากตึกแถวดังกล่าวตามสัญญาประนีประนอมยอมความศาลชั้นต้นมีคำสั่งหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำร้องของโจทก์ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีตามกฎหมายกับผู้ร้องอ้างเหตุว่า โจทก์ยินยอมให้ผู้ร้องอยู่อาศัยทำการค้าและผู้ร้องมิใช่บริวารของจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 53)
ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 54)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าที่ผู้ร้องอ้างว่าเช่าช่วงตึกพิพาทนั้น ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือต้องถือว่าผู้ร้องอาศัยจำเลยอยู่ จึงเป็นบริวารของจำเลย ฎีกาผู้ร้องจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย เพราะไม่ทำให้ผู้ร้องชนะคดีขึ้นมาได้ ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของผู้ร้องชอบแล้ว ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ

Share