แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำเลยต้องห้าม ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อผู้พิพากษาที่พิพากษาคดีนี้ใน ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบ 266,341 การกระทำของจำเลยแต่ละกรรมเป็น ความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 268 ประกอบ 266 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90ให้ลงโทษจำเลยรวม 5 กระทง จำคุก จำเลยกระทงละ 1 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 5 ปี คำให้การของจำเลย ในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลย มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน ริบของกลาง ให้จำเลยคืนเงิน 3,000 บาท แก่ผู้เสียหาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 60)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 64)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้าม ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ฎีกาจำเลยที่ว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนัก เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยได้ทราบว่าเป็นใบเสร็จปลอม ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติ กฎหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง