แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์และเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์จึงไม่ต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรค 2 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนสัญญาจำนองที่ดินจำเลยให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้งขอให้โจทก์ชำระเงินตามสัญญาจำนอง พร้อมดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีของต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2527 อันเป็นวันจดทะเบียนจำนองเป็นต้นไปจนถึงวันฟ้องแต่ไม่เกิน 5 ปี เป็นการไถ่ถอนจำนอง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 118)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ โดยเสียค่าคำร้องมาจำนวน200 บาท (อันดับ 128)
คำสั่ง
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจำนองที่ดิน อ้างว่า ได้ทำสัญญาจำนองไว้กับจำเลยเพราะถูกฉ้อฉลให้ลงชื่อในสัญญาจำนองโดยไม่ได้รับเงิน จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ทำสัญญาจำนองไว้กับจำเลยโดยลงชื่อในสัญญาจำนองด้วยความสมัครใจมิได้ถูกกลฉ้อฉลแต่อย่างใด และโจทก์ได้รับเงินจำนวน 40,000 บาท ตามสัญญาจำนองจากจำเลยไปครบถ้วนแล้ว และฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินจำนวน40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยเป็นเวลา 5 ปี รวมเป็นเงิน70,000 บาทให้แก่จำเลย กับให้โจทก์ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองตามสัญญาจำนอง ด้วยเช่นนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท โจทก์ฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 แม้เป็นคดีที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ก็ไม่ได้รับการยกเว้น ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง คืนค่าคำร้องส่วนที่เกิน 40 บาทให้โจทก์