แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หญิงทำการสมรสกับชายโดยจดทะเบียนสมรสกันแล้วแม้ภายหลังจะปรากฎว่าในขณะสมรสกันนั้น ชายนั้นมีภรรยาอยู่แล้วก็ตาม หญิงเช่นนี้ก็ยังมีสิทธิฟ้องหย่าขาดจากสามีได้ เสมือนหนึ่งว่าการสมรสของหญิงชายนั้นชอบด้วยกฎหมาย
การที่สามีเอาภรรยาหลวงและบุตรที่เกิดจากภรรยาหลวงมาอยู่ร่วมกันกับภรรยน้อยในห้องเดียวกัน ทำให้อยู่ด้วยกันโดยไม่เป็นปรกติสุขมีเรื่องระหองระแหงทะเลาะกันเรื่อยมา จนเกิดทำร้ายกันโดยสามีภรรยาหลวง และบุตรภรรยาหลวงกลุ้มรุมทำร้ายภรรยาน้อยถึงคั่นภรรยาน้อยศรีษะแตก นับว่าภรรยาน้อยถูกสามีกับพวกทำร้ายถึงบาดเจ็บ และการที่สามีเอาภรรยาหลวงเข้ามากินอยู่ร่วมด้วย เป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ภริยาน้อยจะเป็นภริยาของชายต่อไปอย่างร้ายแรง เป็นเหตุพอที่จะให้ภริยาน้อยหย่าขาดจากการเป็นภรรยาชายได้ตามกฎหมาย
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอหย่าขาดจากการเป็นภรรยาจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะที่โจทก์ทำการสมรสเป็นภรรยาจำเลย โดยจำเลยอยู่ตัวเปล่าไม่มีบุตรภรรยาอยู่กินด้วยกันมา ๓ ปีมีบุตรด้วยกัน ๒ คน ภายหลังปรากฎว่า จำเลยมีภรรยาอยู่ก่อนเป็นจีน มีบุตรชายอายุ ๑๓ ขวบ จำเลยรับเอาภรรยาและบุตรเมืองจีนมาอยู่ด้วยกันไม่เป็นปรกติสุข มีเรื่องระหองระแหงทะเลาะกันเรื่อยมา จนมาเกิดทำร้ายโดยจำเลยกับภรรยาและบุตรที่เป็นจีนกลุ้มรุมทำร้ายโจทก์ ถึงกับโจทก์ศรีษะแตก นับว่าโจทก์ถูกจำเลยกับพวกทำร้ายถึงบาดเจ็บ และที่จำเลยมีภรรยากับบุตรอยู่ก่อนแล้ว ได้เอาเข้ามากินอยู่ร่วมด้วย เป็นปฏิปักษ์ต่อการที่โจทก์จะเป็นภรรยาจำเลยต่อไปอย่างร้ายแรง ถึงกับโจทก์มีความเกรงกลัวว่าจะถูกจำเลยกับบุตรภรรยาที่ เป็นจีนช่วยกันทำร้ายโจทก์ถึงแก่ความตายได้ เช่นนี้ เป็นเหตุพอที่จะให้โจทก์หย่าขาดจากเป็นภรรยาจำเลยได้ตามกฎหมาย
จึงพิพากษากลับ ให้โจทก์หย่าขาดจากการเป็นภรรยาจำเลยได้ทันที
