แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง จึงไม่รับ
จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา ซึ่งจะทำให้ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งสิ้นสุดลง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 168 แผ่นที่ 2)
คดีของศาลชั้นต้นหมายเลขแดงที่ 1545/2532 นี้ ศาลชั้นต้นพิจารณารวมกับคดีอื่นอีก 2 สำนวน โดยเรียกจำเลยคดีนี้ว่าจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ประกอบมาตรา 365(2) จำคุก 3 ปีให้จำเลยที่ 2 และบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดิน ของสุขาภิบาลกะทู้
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี ยกคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้จำเลยที่ 2 และบริวารรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของสุขาภิบาลกะทู้ นอกจากที่แก้คงให้ เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 153)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 166,174)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า สุขาภิบาลกะทู้ไม่ใช่เจ้าของที่พิพาทโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง นั้น ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยว่าที่พิพาทเป็นของสุขาภิบาลกะทู้ โจทก์มีอำนาจฟ้องฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 215 วรรคแรกที่แก้ไขใหม่แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาในข้อนี้ ชอบแล้ว
ส่วนข้อที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 และ 362(2) จะต้องกระทำต่ออสังหาริมทรัพย์ ที่เอกชนเป็นเจ้าของ จะลงโทษจำเลยที่ 2 ซึ่งบุกรุกที่สาธารณสมบัติ ของแผ่นดินไม่ได้นั้น จำเลยที่ 2 มิได้กล่าวอ้างไว้โดยชัดเจน ในฟ้องฎีกาจำเลยที่ 2 จะมาอุทธรณ์ขอให้ศาลสั่งรับฎีกาในข้อนี้ไม่ได้ ให้ยกคำร้อง