คำสั่งคำร้องที่ 1888/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นสั่งฎีกาว่าคดีนี้มีทุนทรัพย์พิพาทชั้นฎีกา ไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และ เมื่อได้พิจารณาฎีกาของจำเลยแล้ว จำเลยยกข้อกล่าวอ้าง การยื่นฎีกาไว้โดยชัดแจ้งเฉพาะในเรื่องคดีขาดอายุความ หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง อันต้องห้ามฎีกา จึงมีคำสั่ง ไม่รับฎีกาและสั่งคำร้องว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกา จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไปด้วย
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาท ทั้งสองแปลงและบ้านซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินแปลงที่สองให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 คนละ 1 ใน 56 ส่วน หากแบ่งไม่ได้ให้ขายทอดตลาด ทรัพย์ดังกล่าวเอาเงินแบ่งให้โจทก์ตามส่วน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 57)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยชำระค่าขึ้นศาลมา 200 บาท(อันดับ 60)

คำสั่ง
คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินในกองมรดกของนายทา อิ่นคำ ซึ่งอยู่ระหว่างจัดการและจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ดังนั้น การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทถือว่าครอบครองแทนทายาท อื่นด้วยจะยกเอาอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้ จำเลยฎีกาว่าโจทก์ได้รู้ถึงความตายของเจ้าของมรดกแล้ว แต่ไม่ฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความ 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความนั้น เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจ ในการรับฟังข้อเท็จจริงอันไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้วที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share