คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2541/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายฟ้องครบถ้วนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำเป็นที่โจทก์ต้องระบุไว้ในคำฟ้องด้วยว่าได้มีการขอผัดฟ้อง ศาลอนุญาตให้ผัดฟ้องและโจทก์ได้ฟ้องจำเลยภายในกำหนดเวลาที่ศาลได้อนุญาตไว้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายวีระพงษ์ ใจบุญ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ จำคุก ๒ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ วินิจฉัยว่า คดีนี้ปรากฏตามคำฟ้องว่า จำเลยมอบตัวต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้วจำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๔๑ ระหว่างสอบสวนจำเลยได้รับการประกันตัวตลอดมา แสดงว่าพนักงานสอบสวนถือว่าจำเลยได้ตกเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดคดีนี้ในทันทีที่ได้รับมอบตัว พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าเป็นการจับกุมจำเลยในวันที่เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน เมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๑ พ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดดังกล่าวโดยไม่ปรากฏว่าได้ขอผัดฟ้องหรือได้รับอนุญาตจากอัยการสูงสุด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องแม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลย่อมยกขึ้นอ้างได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๔ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ขอผัดฟ้องจำเลยตามกฎหมายแล้ว โจทก์จึงไม่ต้องขออนุญาตฟ้องจากอัยการสูงสุด โดยโจทก์แนบเอกสารคำร้องขอผัดฟ้องของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและของพนักงานอัยการโจทก์ครั้งที่ ๑ ถึงครั้งที่ ๕ ที่ศาลแขวงลำปางอนุญาตให้ผัดฟ้องจำเลยประกอบมาพร้อมด้วย และเอกสารดังกล่าวได้มีรองจ่าศาลรับรองสำเนาถูกต้อง จำเลยมิได้แก้ฎีกาเป็นอย่างอื่น จึงต้องฟังว่าสำเนาเอกสารดังกล่าวเป็นสำเนาเอกสารที่ถูกต้องและมีอยู่จริง เมื่อพิเคราะห์ข้อความในเอกสารดังกล่าวแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบและพนักงานอัยการได้ขอผัดฟ้องจำเลยมาตลอดภายหลังจากที่มีอำนาจควบคุมตัวจำเลยไว้สี่สิบแปดชั่วโมงตามกฎหมายแล้ว และตามคำร้องขอผัดฟ้องจำเลยครั้งที่ ๕ อันเป็นครั้งสุดท้าย ศาลอนุญาตให้พนักงานอัยการผัดฟ้องจำเลยได้ถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๑ โจทก์ฟ้องจำเลยในวันดังกล่าว จึงไม่ต้องขออนุญาตให้ฟ้องจากอัยการสูงสุด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ไม่จำเป็นที่โจทก์ต้องระบุไว้ในคำฟ้องด้วยว่าได้มีการขอผัดฟ้อง ศาลอนุญาตให้ผัดฟ้อง และโจทก์ได้ฟ้องจำเลยภายในกำหนดเวลาที่ศาลได้อนุญาตไว้อีก ในเมื่อฟ้องของโจทก์ได้บรรยายฟ้องครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ แล้ว ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น และเนื่องจากศาลอุทธรณ์ภาค ๕ ยังไม่ได้วินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีตามที่จำเลยอุทธรณ์ จึงเห็นสมควรให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยก่อน
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๕ ให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share