คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใบอนุญาตทะเบียนรถมี 2 ฉบับ ฉบับต้นเก็บรักษาไว้ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะ ฉบับปลายมอบให้เจ้าของรถ จำเลยเป็นตำรวจปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแผนกทะเบียนยานพาหนะได้ลงรายการเสียภาษีประจำปีในใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับปลาย และทำเรื่องราวโอนย้ายรถนั้นไปยังต่างจังหวัดทั้งๆที่ไม่มีใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับต้นมาตรวจสอบและลงรายการคู่กันเป็นการส่อแสดงว่าจำเลยทราบอยู่แล้วว่าฉบับปลายเป็นเอกสารปลอม แต่ยังขืนดำเนินการให้แก่ผู้มาขอโอนไปจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา268 และ มาตรา 157

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268, 157 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 8 เดือน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าใบอนุญาตทะเบียนรถเอกสารท้ายฟ้องหมาย ป.จ.12 เป็นเอกสารที่มีผู้ทำปลอมขึ้น จำเลยเป็นผู้เขียนกรอกรายการเสียภาษีประจำปีพ.ศ. 2520 ลงในเอกสารปลอมดังกล่าว และเขียนข้อความวิทยุข่าวส่งท้ายฟ้อง เอกสารหมาย ป.จ.18 เพื่อให้นายสมบูรณ์ เบ็ญจมาศโอนย้ายรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ช.ย.01933 ตามเอกสารหมาย ป.จ.12 เข้าไปใช้ในจังหวัดฉะเชิงเทราจริง จำเลยฎีกาว่าเอกสารที่ปลอมเป็นเอกสารของทางราชการ จำเลยปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไม่ทราบว่าเอกสารดังกล่าวปลอม จำเลยไม่ต้องรับผิดจึงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในชั้นนี้เพียงข้อเดียวว่า ที่จำเลยกรอกรายการเสียภาษีประจำปี พ.ศ. 2520 ลงในใบอนุญาตทะเบียนรถเอกสารหมายป.จ.12 และทำเรื่องราวให้นายสมบูรณ์นำรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนช.ย.01933 ปลอมไปแจ้งการโอนย้ายต่อพันตำรวจโทปริญญา รุ่งพรหมานั้น จำเลยทราบหรือไม่ว่าใบอนุญาตทะเบียนรถ เอกสารหมาย ป.จ.12เป็นเอกสารปลอม ศาลฎีกาเห็นว่าพันตำรวจโทสมปอง พรหมคช พยานโจทก์เบิกความว่า เมื่อรับจดทะเบียนรถแล้วทางแผนกทะเบียนยานพาหนะจะจัดทำเอกสารเป็น 2 ฉบับ ฉบับแรกเรียกว่า ทร. 9-ต 10 ตัน มีลักษณะเช่นเดียวกับเอกสารหมาย ป.จ.1 (ประเด็นศาลจังหวัดชัยภูมิ) ส่วนอีกฉบับเรียกว่าทร. 9-ต 10 ปลาย หรือ ทร. 9-ต 11 ปลาย มีลักษณะเช่นเดียวกับเอกสารท้ายฟ้องหมาย ป.จ.12 แสดงว่าเมื่อแผนกทะเบียนยานพาหนะรับจดทะเบียนรถยนต์คันใดแล้วก็จะทำใบอนุญาตทะเบียนรถขึ้น 2 ฉบับมีข้อความตรงกันทุกประการ คือใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับต้น ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะและใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับปลายซึ่งมอบให้แก่เจ้าของรถยึดถือไว้ เมื่อมีการเสียภาษีประจำปี หรือเปลี่ยนแปลงรายการอย่างใด จ่าสิบตำรวจเสถียร บรรณสาร พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความว่าเจ้าของรถจะต้องยื่นเรื่องราวพร้อมกับปลายทะเบียนต่อหัวหน้าฯ เมื่อค้นต้นทะเบียนและปลายทะเบียนตรงกันและเขียนเสร็จก็ส่งให้หัวหน้าไปแสดงว่าเมื่อได้รับใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับปลายจากเจ้าของรถแล้วเจ้าหน้าที่ผู้ทำจะต้องค้นหาใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับต้นซึ่งเก็บรักษาไว้ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะออกมาตรวจสอบกับใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับที่รับมาจากเจ้าของรถว่าถูกต้องตรงกันหรือไม่ เมื่อตรวจถูกต้องแล้วจึงจะเขียนกรอกรายการเสียภาษีประจำปีหรือรายการที่เปลี่ยนแปลงลงในใบอนุญาตทะเบียนรถทั้งสองฉบับให้ตรงกันแล้วจึงคืนให้หัวหน้านำไปเสนอนายทะเบียนเพื่อลงชื่อต่อไป ดังนี้ที่นายสมบูรณ์ เบ็ญจมาศนำเอาใบอนุญาตทะเบียนเอกสารหมาย ป.จ.12 มายื่นเสียภาษีประจำปีพ.ศ. 2520 และขอโอนรถไปใช้ในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรานั้น แม้จำเลยจะนำสืบว่านายสมบูรณ์ เบ็ญจมาศ นำมายื่นต่อจ่าสิบตำรวจเลื่อน ฤาชาซึ่งเป็นหัวหน้า แล้วจ่าสิบตำรวจเลื่อน ฤาชาส่งให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการก็ดี จำเลยก็มีหน้าที่ที่จะต้องค้นหาใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับค้นซึ่งเก็บอยู่ที่แผนกทะเบียนยานพาหนะมาตรวจสอบกับเอกสารหมาย ป.จ.12เสียก่อนว่าถูกต้องตรงกันแล้วจึงจะลงรายการไว้ทั้งสองฉบับเสร็จแล้วจึงจะคืนให้จ่าสิบตำรวจเลื่อนนำไปเสนอนายทะเบียนต่อไป แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เอกสารหมาย ป.จ.12 เป็นเอกสารปลอม ไม่มีใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับต้นที่ตรงกัน จำเลยซึ่งรับราชการปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแผนกทะเบียนยานพาหนะมานานหลายปี ย่อมทราบระเบียบปฏิบัติเป็นอย่างดีเมื่อจำเลยลงรายการเสียภาษีประจำปี พ.ศ. 2520 ในเอกสารหมาย ป.จ.12และทำเรื่องราวโอนย้ายรถยนต์บรรทุกตามทะเบียนดังกล่าวไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใบอนุญาตทะเบียนรถฉบับต้นของเอกสารหมายป.จ.12 มาตรวจสอบและลงรายการคู่กันเช่นนี้ เป็นการส่อแสดงว่าจำเลยทราบอยู่แล้วว่า เอกสารหมาย ป.จ.12 เป็นเอกสารปลอม แต่จำเลยก็ยังขืนดำเนินการให้นายสมบูรณ์ เบ็ญจมาศ ไป จำเลยจึงมีความผิด”

พิพากษายืน

Share