แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมเห็นว่า โจทก์ร่วมได้ฎีกาโดยนำเอาข้อเท็จจริงซึ่งยุติแล้วเข้าสู่หลักกฎหมายและเป็นการชี้ให้ศาลเห็นว่า จำเลยสมควรจะต้องรับผิดตามฟ้อง ตามพยานหลักฐานที่นำสืบจนยุติแล้วหรือไม่เพียงใด ฎีกาของโจทก์ร่วมมีแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้นโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,92,288,371 ฯลฯ
ระหว่างพิจารณา นายขี่ทอง แซ่ผู่บิดานายวิวัฒน์ ภู่วัฒนกุล ผู้ตายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 106)
ทนายโจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 109)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมโดยวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย โจทก์ร่วมฎีกาว่าพยานโจทก์และโจทก์ร่วมกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยเชื่อได้ว่า จำเลยเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตายเป็นฎีกาโต้แย้งในข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง