คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5787/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำที่จะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 จะต้องได้ความว่า เจ้าพนักงานผู้นั้นได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเฉพาะเกี่ยวกับงานในหน้าที่ของตนตามกฎหมายหรือระเบียบหรือที่ได้รับมอบหมายให้กระทำโดยตรงเท่านั้น
จำเลยทั้งเก้าซึ่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล และจำเลยที่ 1 เป็นรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล นายอำเภออนุมัติและมีคำสั่งประกาศให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลเปิดสมัยประชุมวิสามัญและชอบด้วย พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 55 วรรคหนึ่ง ในการเรียกประชุม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 54 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นผู้เรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลตามสมัยประชุมและเป็นผู้เปิดและปิดประชุม เว้นแต่กรณีที่ยังไม่มีประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหรือประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลไม่เรียกประชุมตามกฎหมาย จึงเป็นหน้าที่ของนายอำเภอที่จะต้องเรียกประชุม และเป็นผู้เปิดหรือปิดประชุม เมื่อนายอำเภอได้มีประกาศให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลเปิดสมัยประชุมวิสามัญตามคำร้องขอของจำเลยทั้งเก้ากับพวกได้แล้ว ผู้ที่มีหน้าที่เรียกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลมาประชุมตามวันที่กำหนดย่อมต้องเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคือนายอำเภอเท่านั้น จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลไม่มีหน้าที่ในการเรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากนายอำเภอ เมื่อนายอำเภอไม่ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 1 เรียกประชุม จำเลยที่ 1 จึงไม่มีอำนาจหน้าที่จะเรียกประชุมสมัยวิสามัญดังกล่าวได้ แม้จำเลยที่ 1 ทำหนังสือเรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบล และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 พร้อมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลมาร่วมประชุม โดยมีจำเลยที่ 1 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมในวันดังกล่าวก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เป็นการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสมัยวิสามัญโดยชอบตาม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 หมวด 2 ส่วนที่ 1 ว่าด้วยสภาองค์การบริหารส่วนตำบล จำเลยทั้งเก้าจึงไม่มีหน้าที่ต้องเข้าร่วมประชุมสมัยวิสามัญซึ่งเรียกประชุมโดยไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งเก้าจึงไม่ใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่โดยตรงต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว หากมติที่ประชุมจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งเก้าก็ไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติโดยมิชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 157, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์เป็นกำนันตำบลบ้านบัว อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัว จำเลยที่ 1 เป็นรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัว จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัว สภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบ้วมีอำนาจหน้าที่ควบคุมการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวให้เป็นไปตามนโยบายและแผนพัฒนาตำบล ตามกฎหมายระเบียบและข้อบังคับของทางราชการ โดยมีนายสาหัสเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัว เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2540 จำเลยที่ 1 ในฐานะรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวมีหนังสือถึงนายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ขอให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญวันที่ 25 กรกฎาคม 2540 จำเลยที่ 1 ในฐานะรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวมีหนังสือเรียกประชุมสมัยวิสามัญสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัว ต่อมาวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 จำเลยที่ 1 ทำหน้าที่ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัว จำเลยทั้งเก้ากับพวกรวม 34 คน จากจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 41 คน ซึ่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวลงมติให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัว อันเป็นการลงมติในเรื่องที่ไม่มีระเบียบวาระการประชุม และขัดต่อข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2538 ข้อ 16 เพราะมีการแจ้งล่วงหน้าน้อยกว่าสามวันก่อนกำหนดเวลาเปิดสมัยประชุม ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากตำแหน่งกำนันตำบลบ้านบัวตามมติที่ประชุมดังกล่าว โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ในที่สุดกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ โจทก์จึงยังดำรงตำแหน่งเดิมต่อไป
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องของโจทก์มีมูลความผิดที่จะประทับฟ้องไว้พิจารณาหรือไม่ เห็นว่า เนื่องจากโจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยทั้งเก้ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตาม ป.อ. มาตรา 157 อันหมายความว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดตามมาตรานี้ จะต้องได้ความว่า เจ้าพนักงานผู้นั้นได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเฉพาะเกี่ยวกับงานในหน้าที่ของตนตามกฎหมายหรือระเบียบหรือที่ได้รับมอบหมายให้กระทำโดยตรงเท่านั้น หากปฏิบัติละเว้นปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้นโดยตรงดังกล่าวแล้ว ก็จะไม่เป็นความผิดตามบทบัญญัติมาตรานี้เลย
ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า การประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวในวันดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า แม้การประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวครั้งนี้เป็นการประชุมสมัยวิสามัญที่นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ได้อนุมัติให้เรียกประชุมได้ ด้วยเหตุที่จำเลยทั้งเก้ากับพวกรวม 34 คน ที่เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวร่วมกันลงชื่อขอให้นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์เปิดสมัยประชุมวิสามัญและเรียกประชุม ซึ่งนายอำเภอเมืองบุรีรัมย์อนุมัติและมีคำสั่งประกาศให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวเปิดสมัยประชุมวิสามัญได้ ชอบด้วย พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 55 วรรคหนึ่ง ดังเช่นที่โจทก์ฎีกาก็ตาม แต่ในการเรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลนั้น ตามมาตรา 54 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นผู้เรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลตามสมัยประชุมและเป็นผู้เปิดและปิดประชุม เว้นแต่กรณีที่ยังไม่มีประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหรือประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลไม่เรียกประชุมตามกฎหมาย จึงเป็นหน้าที่ของนายอำเภอที่จะต้องเรียกประชุม และเป็นผู้เปิดหรือปิดประชุม ดังนั้น เมื่อนายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ได้มีประกาศให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวเปิดสมัยประชุมวิสามัญตามคำร้องขอของจำเลยทั้งเก้ากับพวกได้แล้ว ผู้ที่มีหน้าที่เรียกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวมาประชุมตามวันที่กำหนดย่อมต้องเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวคือนายสาหัสเท่านั้น จึงชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นรองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวไม่มีหน้าที่ในการเรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัว เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากนายสาหัส แต่นายสาหัสได้มาเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า ไม่ได้มอบอำนาจให้ผู้ใดดำเนินการจัดประชุม หนังสือมอบอำนาจจัดทำขึ้นภายหลังที่มีการประชุมแล้ว เนื่องจากคำขอร้องแกมบังคับของนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง เมื่อนายสาหัสไม่ได้มอบหมายให้จำเลยที่ 1 เรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวในวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 จำเลยที่ 1 จึงไม่มีอำนาจหน้าที่จะเรียกประชุมสมัยวิสามัญดังกล่าวได้ ดังนั้น แม้จำเลยที่ 1 ทำหนังสือเรียกประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัว และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 พร้อมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวมาร่วมประชุม โดยมีจำเลยที่ 1 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมในวันดังกล่าวก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เป็นการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบัวสมัยวิสามัญ โดยชอบตาม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 หมวด 2 ส่วนที่ 1 ว่าด้วยสภาองค์การบริหารส่วนตำบล จำเลยทั้งเก้าจึงไม่มีหน้าที่ต้องเข้าร่วมประชุมสมัยวิสามัญซึ่งเรียกประชุมโดยไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว การกระทำของจำเลยทั้งเก้าจึงไม่ใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่โดยตรงต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว หากมติที่ประชุมจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ดังที่โจทก์ฟ้อง จำเลยทั้งเก้าก็ไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติโดยมิชอบตาม ป.อ. มาตรา 157
พิพากษายืน.

Share