แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ในกรณีที่ผู้เอาประกันชีวิตได้ยื่นใบสมัครหรือทำคำเสนอเพื่อทำประกันชีวิตกับตัวแทนของผู้รับประกันชีวิตนั้น จะต้องนำเอา บทบัญญัติ พระราชบัญญัติประกันชีวิตมาประกอบการวินิจฉัยคดีด้วยซึ่งหากไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้รับประกันชีวิตมอบอำนาจเป็นหนังสือให้ตัวแทนของผู้รับประกันชีวิตทำสัญญาประกันชีวิตได้ในนามของผู้รับประกันชีวิตดังที่พระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ.2510 มาตรา 61 บัญญัติไว้ถือได้ว่าตัวแทนของผู้รับประกันชีวิตมีอำนาจเพียงรับแบบฟอร์มใบสมัครขอประกันชีวิตและรับเบี้ยประกันล่วงหน้าส่งไปให้ผู้รับประกันชีวิตพิจารณาก่อน เท่านั้นและต้องมีการสนองรับคำเสนอจากผู้รับประกันชีวิตโดยตรงสัญญาประกันชีวิตจึงเกิดขึ้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตที่ทำไว้กับจำเลยสองฉบับ จำเลยจ่ายเงินให้โจทก์เฉพาะฉบับแรกส่วนฉบับหลังไม่จ่าย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะสัญญาประกันชีวิตฉบับหลังยังไม่เกิดขึ้นขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินตามฟ้องจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์ในการรับประกันชีวิต เมื่อปี พ.ศ. 2523นายอภิชาติ กิตติสุวรรณ พี่ชายโจทก์ได้ทำสัญญาประกันชีวิตไว้กับจำเลย แบบตลอดชีพและแบบอุบัติเหตุในวงเงินประกัน 100,000 บาทตามกรมธรรม์ลงวันที่ 3 กันยายน 2523 ระบุให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ หลังจากนั้น คือเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2524 นายอภิชาติได้ยื่นใบสมัครเพื่อทำประกันชีวิตเอกสารหมาย ล.1 กับตัวแทนของจำเลยที่จังหวัดนครราชสีมาแบบตลอดชีพและแบบอุบัติเหตุอีกในวงเงินประกัน 500,000 บาท ระบุให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน ในการยื่นใบสมัครครั้งหลังนี้ นายอภิชาติได้ชำระเบี้ยประกันงวดแรกให้แก่ตัวแทนของจำเลยกับได้รับการตรวจสุขภาพของแพทย์แล้ว ต่อมาวันที่ 14 พฤษภาคม 2524 นายอภิชาติถึงแก่ความตายด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน โดยจำเลยยังไม่ได้ออกกรมธรรม์ให้ โจทก์ได้ขอให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์ตามสัญญาจำเลยคงจ่ายเงินให้แก่โจทก์ตามกรมธรรม์ฉบับแรก ลงวันที่ 3 กันยายน 2523จำนวน 200,000 บาทเท่านั้น ส่วนที่นายอภิชาติยื่นขอสมัครประกันชีวิตครั้งหลัง เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2524 ซึ่งโจทก์อ้างว่ามีสิทธิได้รับเงินจำนวน 1,000,000 บาท จำเลยไม่ชำระปัญหาที่จะวินิจฉัยในเบื้องแรกมีว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรับผิดหรือไม่
เห็นว่า การขอประกันชีวิตรายนี้ นายอภิชาติ กิตติสุวรรณได้ยื่นใบสมัครหรือทำคำเสนอเพื่อทำประกันชีวิตกับตัวแทนของจำเลยที่จังหวัดนครราชสีมา ในกรณีเช่นนี้ ต้องนำพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2510 มาประกอบการวินิจฉัยคดีด้วย และได้พิเคราะห์แล้ว สำหรับกรณีนี้ ข้อเท็จจริงตามที่จำเลยและโจทก์นำสืบไม่ได้ความว่า จำเลยได้มอบอำนาจเป็นหนังสือให้ตัวแทนทำสัญญาประกันชีวิตในนามของจำเลยดังที่พระราชบัญญัติประกันชีวิตพ.ศ. 2510 มาตรา 61 บัญญัติไว้ ใบสมัครเพื่อทำประกันชีวิตเอกสารหมาย ล.1 และใบรับเบี้ยประกันงวดแรก เอกสารหมาย จ.2ก็ไม่มีข้อความให้เห็นได้เช่นนั้น กรณีดังกล่าวถือว่าตัวแทนมีอำนาจเพียงรับแบบฟอร์มใบสมัครขอประกันชีวิตและรับเงินเบี้ยประกันล่วงหน้าส่งไปให้จำเลยพิจารณาก่อนเท่านั้น การขอประกันชีวิตรายนี้จึงต้องมีการสนองรับคำเสนอจากจำเลยโดยตรงคดีนี้ ตัวโจทก์เองเบิกความไว้ชัดว่า ก่อนที่นายอภิชาติ ถึงแก่ความตาย จำเลยยังไม่ได้ตอบรับการขอประกันชีวิตรายนี้ และยังไม่ได้ออกกรมธรรม์ให้สัญญาประกันชีวิตระหว่างนายอภิชาติกับจำเลยจึงยังไม่ได้เกิดและโจทก์ยังไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้รับประโยชน์ ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรับผิดได้ ปัญหาอื่นไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน