แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยทั้งสอง กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในฎีกาอันนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จึงไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา
จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาจำเลยทั้งสองในข้อ 3ที่ว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ และข้อ 4 ที่ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยคดีโดยฝ่าฝืนจากคำพยานหลักฐานในสำนวน อีกทั้งศาลชั้นต้น ก็มิได้วินิจฉัยข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองว่า หนี้ตามสัญญากู้ สมบูรณ์หรือไม่ นำพยานบุคคลมาสืบหักล้างพยานเอกสารได้หรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 70,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2523 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ต้องไม่เกิน 26,250 บาท หากจำเลยที่ 1ไม่ชำระหรือชำระ ไม่ครบถ้วน ให้จำเลยที่ 2 ชำระจนครบ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ดอกเบี้ยก่อนฟ้อง ให้จำเลยที่ 1 ชำระนับแต่วันฟ้องย้อนหลังไป 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 76)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่ง ศาลฎีกาพิจารณา (อันดับ 81,94)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คำฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น ปัญหาข้อนี้แม้จำเลยทั้งสองจะได้ต่อสู้ ไว้ในคำให้การ แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ เพราะจำเลยทั้งสองไม่ได้อ้างเหตุว่าคำฟ้องโจทก์เคลือบคลุม อย่างไร จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบ ในศาลชั้นต้น จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก จำเลยทั้งสองฎีกาว่าปัญหาที่ว่า จำเลยทั้งสองนำสืบพยานบุคคลหักล้างหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน ซึ่งเป็นพยานเอกสารได้หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ควรวินิจฉัยเอง ควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย เห็นว่า เป็นอำนาจของ ศาลอุทธรณ์ภาค 1ที่จะวินิจฉัยเองโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ ศาลชั้นต้นวินิจฉัย เป็นข้อกฎหมายไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับ การวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก จำเลยทั้งสองฎีกาว่าพยานหลักฐานที่ จำเลยทั้งสองนำสืบมาควรฟังว่า จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์เพียง 35,000 บาท และควรฟังว่าโจทก์เป็นหนี้จำเลยทั้งสอง ควรนำหนี้มาหักกลบลบกัน เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง คดีนี้ทุนทรัพย์พิพาทเพียง 96,250 บาท ไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ