คำสั่งคำร้องที่ 1782/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์ซึ่งเสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลใหม่อย่างคดีมีทุนทรัพย์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226วรรคหนึ่ง แม้โจทก์จะโต้แย้งเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวเป็นการที่มิได้กำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168 ก็ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 วรรคหนึ่ง
เมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีโจทก์ยังไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ต่อศาลฎีกาโดยตรงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ได้
ความว่า โจทก์อุทธรณ์คำสั่งและยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ว่า กรณีไม่ใช่เป็นเรื่องกำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168 แต่เป็นเรื่อง คดีมีทุนทรัพย์หรือไม่ซึ่งเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จึงไม่ รับอุทธรณ์ คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด และสั่งคำร้องว่าสั่ง ในอุทธรณ์คำสั่งแล้ว
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ที่ว่า โจทก์ฟ้องเรียกส่วนแบ่งทรัพย์มรดกจากจำเลยทั้งสองโดยขอให้ใส่ชื่อโจทก์ร่วมกับจำเลย ทั้งสิบในที่ดินพิพาทเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ฟ้องเรียกอสังหาริมทรัพย์เป็นคดีมีทุนทรัพย์และให้โจทก์ เสียค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้อง จึงเป็นกรณีการอุทธรณ์ในเรื่อง ค่าฤชาธรรมเนียมมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168 นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย และคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาโจทก์จึงมีสิทธิอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ โปรดมีคำสั่ง ให้รับคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสิบจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสิบ
ในวันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า ฟ้องโจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนการโอนที่ดินโดยการฉ้อฉล และขอให้ ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วย นอกจากนี้จำเลย ยังต่อสู้กรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ การที่โจทก์ เสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ เป็นการไม่ถูกต้อง ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลใหม่ให้ถูกต้องตามจำนวนทุนทรัพย์ ที่โจทก์ฟ้องภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ มิฉะนั้นถือว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง และให้เลื่อนการนัดชี้สองสถาน (อันดับ 4)
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง (อันดับ 5)
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 6,7)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีนี้ไม่ต้องด้วยกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ แต่เมื่อโจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาจึงให้ส่งไปศาลฎีกา (อันดับ 8)

คำสั่ง
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์ซึ่งเสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลใหม่อย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 วรรคหนึ่งแม้โจทก์จะโต้แย้งเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวเป็นการที่มิได้กำหนดหรือคำนวณ ค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168 ก็ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่าง พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 วรรคหนึ่ง และเมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งชี้ขาดตัดสิน คดีนี้ โจทก์ก็ยังไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นนั้น ต่อศาลฎีกาโดยตรงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ

Share