คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พยานโจทก์ทั้งสองปากเคยให้การในชั้นสอบสวนว่าจำคนร้ายได้เมื่อจับจำเลยที่ 1 ได้ พยานโจทก์ทั้งสองก็ชี้ตัวยืนยันว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้าย คำให้การพยานโจทก์ทั้งสองตลอดจนถึงการชี้ตัวคนร้ายในชั้นสอบสวน แม้ว่าเป็นเพียงพยานบอกเล่าเรื่องราวต่อพนักงานสอบสวนซึ่งลำพังพยานบอกเล่าเช่นนี้ไม่สามารถจะนำมาฟังลงโทษจำเลยที่ 1ได้ก็ตาม แต่เมื่อนำคำให้การพยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวและพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนมารับฟังประกอบกับคำเบิกความของพยานโจทก์ในชั้นศาลแล้วมีน้ำหนักและเหตุผลให้รับฟังเชื่อถือได้ว่าเป็นความจริงการที่พยานโจทก์ทั้งสองกลับเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลว่าคนร้ายคล้ายจำเลยที่ 1 จึงมีพฤติการณ์ว่าเป็นการเบิกความบ่ายเบี่ยงไปอย่างขัดต่อเหตุผล ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสองจำคนร้ายคือจำเลยที่ 1 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 83 และให้ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ของกลางริบ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พยานโจทก์ทั้งสองปากนี้เคยให้การในชั้นสอบสวนว่าจำคนร้ายได้ เมื่อจับจำเลยที่ 1 ได้ พยานโจทก์ทั้งสองก็ชี้ตัวยืนยันว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้าย คำให้การของพยานโจทก์ทั้งสองตลอดจนถึงการชี้ตัวคนร้ายในชั้นสอบสวน แม้ว่าจะเป็นเพียงพยานบอกเล่าเรื่องราวต่อพนักงานสอบสวนซึ่งลำพังแต่พยานบอกเล่าดังกล่าวไม่สามารถจะนำมาฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ได้ก็ตาม แต่เมื่อนำคำให้การพยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวและพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนมาฟังประกอบกับคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองนั้นในชั้นศาลแล้วจะเห็นได้ว่า วันเกิดเหตุนางฉลองอยู่ใกล้ชิดกับคนร้ายหลายชั่วโมงส่วนเด็กหญิงรัตติกาลก็นั่งดูโทรทัศน์กับคนร้ายนานนับชั่วโมงอีกทั้งก่อนวันเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ เด็กหญิงรัตติกาลก็เคยเห็นคนร้ายนี้มาแล้วด้วย พยานโจทก์ทั้งสองย่อมมีโอกาสเห็นและสังเกตจดจำหน้าตาของคนร้ายได้ไม่ผิดตัวแน่นอน คำให้การชั้นสอบสวนของพยานโจทก์ทั้งสอง และการชี้ตัวว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายในชั้นสอบสวนจึงมีน้ำหนักและเหตุผลให้รับฟังเชื่อถือได้ว่าเป็นความจริง การที่พยานโจทก์ทั้งสองกลับเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลว่าคนร้ายคล้ายจำเลยที่ 1 จึงมีพฤติการณ์ว่าเป็นการเบิกความบ่ายเบี่ยงไปอย่างขัดต่อเหตุผล ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสองจำคนร้ายได้คือจำเลยที่ 1
พิพากษายืน

Share