แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาข้อ 3 และข้อ 4ส่วนฎีกาข้อ 5 และข้อ 6 ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จึงไม่รับ
โจทก์ร่วมเห็นว่า ตามฎีกาข้อ 5 โจทก์ร่วมขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานรับของโจรหรือลักทรัพย์ อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายส่วนฎีกาข้อ 6 โจทก์ร่วมฎีกาว่าศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาในส่วนที่โจทก์มีคำขอให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 767,500 บาท แก่โจทก์ร่วมซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอีกเช่นกัน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยที่ 1 ได้รับสำเนาคำร้องแล้วโดยวิธีปิดหมายส่วนจำเลยที่ 2 แถลงข้างคำร้องว่าได้รับสำเนาแล้ว(อันดับ 213 แผ่นที่ 2 และอันดับ 211)
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นางนิตยาประยูรรัตน์ ผู้เสียหายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357,83 จำคุกคนละ 4 ปี จำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 2 ปี โจทก์ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 767,500 บาท นั้นทรัพย์ดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์ในความผิดฐานรับของโจร
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาบางข้อดังกล่าว(อันดับ 207 แผ่นที่ 2)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 211)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาโจทก์ร่วมข้อ 5 โต้แย้งคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงและฎีกาข้อ 6 ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องกับข้อ 5 และศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับคำขอให้คืนและใช้ราคาทรัพย์แล้วแต่ไม่เป็นที่พอใจของโจทก์ร่วม จึงได้ฎีกาในข้อนี้ขึ้นมานับว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาข้อ 5 และ 6 นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง