แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือสัญญามีข้อความอ่านตามแบบพิมพ์เป็นสัญญากู้เงิน ถ้าอ่านตามตัวเขียนเป็นสัญญาซื้อขาย มีกำหนดให้ไถ่ภายใน 1 ปีดังนี้ คู่ความฝ่ายที่อ้างว่าเป็นสัญญาซื้อขายย่อมมีสิทธินำพยานมาสืบประกอบ เพื่อให้เห็นว่าคู่สัญญามีเจตนาเป็นการขายโดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนได้
ขายที่นามือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญให้เขาโดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนได้ภายใน 1 ปี เมื่อมิได้ซื้อคืนตามกำหนด 1 ปี เพิ่งจะมาขอคืนเมื่อเกิน 4 ปีแล้ว ถือว่ามีเจตนาสละการครอบครอง ๆ ย่อมสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 ไม่มีสิทธิจะขอคืนได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่ากู้เงินจำเลยไป ๓๐๐ บาท มอบที่นาของโจทก์ให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย โจทก์ยื่นคำร้องขอขายแก่นายพรัดเป็นเงิน ๓๕๐๐ บาท จำเลยคัดค้าน เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายไม่ได้ทำสัญญาขาย จึงขอให้พิพากษาว่า นาเป็นของโจทก์ขับไล่จำเลย กับให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ขายนาพิพาทให้จำเลยแต่ พ.ศ. ๒๔๘๕ แต่ได้ทำหลักฐานซื้อขายเป็นสัญญากู้เงิน โดยโจทก์มอบกรรมสิทธินาพิพาทให้เป็นของจำเลยตั้งแต่วันทำสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นาพิพาทเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลย กับให้ใช้ค่าเสียหาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญากู้ฉบับพิพาท ถ้าอ่านตามแบบพิมพ์ก็เป็นสัญญากู้เงิน ถ้าอ่านตามตัวเขียนเป็นสัญญาซื้อขาย มีกำหนดไถ่ภายใน ๑ ปี พิจารณาตามเจตนา เห็นว่าเป็นการขายโดยมีเงื่อนไขให้ซื้อคืนได้ เมื่อโจทก์มิได้ซื้อคืนตามกำหนด ๑ ปี เพิ่งจะมาขอคืนเมื่อเกิน ๔ ปีแล้ว ที่ดินพิพาทเป็นนามือเปล่า ไม่มีหนังสือสำคัญ เมื่อโจทก์มีเจตนาสละการครอบครองย่อมสิ้นสุดลงตาม ม.๑๓๗๗ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะฟ้องจำเลย จึงพิพากษายืน