แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษารอการลงโทษและปรับจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปีโดยไม่รอการลงโทษและไม่ปรับเป็นการพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและเป็นการลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี ฎีกาของจำเลยจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 44)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,7,26,75,76,102 ฯลฯประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฯลฯ ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 2 ปี ฐานจำหน่ายกัญชา จำคุก 2 ปี ปรับ 21,000 บาทรวมจำคุก 4 ปี ปรับ 21,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ปรับ 10,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษและไม่ปรับนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 43)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 44)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายกัญชา จำคุก 1 ปีและปรับ 10,500 บาท รวมจำคุก 2 ปี ปรับ 10,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษและไม่ปรับ เป็นกรณีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากแต่ข้อหาฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลอุทธรณ์คงลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี จึงต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาจำเลยข้อหานี้ชอบแล้ว ส่วนข้อหาฐานจำหน่ายกัญชาแม้โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แต่โทษปรับเกิน 10,000 บาท ความผิดในข้อหานี้จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามบทกฎหมายดังกล่าว ให้รับฎีกาของจำเลยในข้อหาฐานจำหน่ายกัญชาไว้พิจารณาและให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป