คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในชั้นพิจารณาคู่ความแถลงว่าตกลงกันได้ ฝ่ายจำเลยจะหาเงินมาซื้อที่ดินและบ้านพิพาทคืน โดยจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์ทั้งหมดภายในเวลา 2 เดือนแล้วโจทก์จะถอนฟ้องคดีนี้ แต่เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินภายในกำหนด และโจทก์แถลงว่าจะไม่ให้เวลาจำเลยอีก ถือได้ว่าโจทก์บอกเลิกข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและพิพากษาขับไล่จำเลยจึงไม่ชอบ ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายฝากที่ดินพร้อมบ้านให้โจทก์ ครบกำหนดจำเลยไม่ไถ่ถอน ขอให้พิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไป
จำเลยให้การว่า จำเลยเคยจำนองที่ดินพร้อมบ้านตามฟ้องไว้ต่อโจทก์ ต่อมาโจทก์บังคับให้จำเลยไถ่ถอนจำนองและขายฝากทรัพย์ดังกล่าวแก่โจทก์โดยมิได้รับความยินยอมจากสามีจำเลย นิติกรรมขายฝากจึงเป็นโมฆะ การจดทะเบียนขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางการจำนอง โจทก์มิได้บอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาคู่ความแถลงตกลงกันได้ ฝ่ายจำเลยจะหาเงินมาซื้อที่ดินและบ้านพิพาทคืน โดยจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์ทั้งหมดภายใน 2 เดือนแล้วโจทก์จะถอนฟ้อง แต่จำเลยไม่ชำระภายในกำหนด โจทก์แถลงนัดนี้จะไม่ให้เวลาจำเลยอีก
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยาน พิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากทรัพย์พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่คู่ความแถลงว่าคดีตกลงกันได้ ฝ่ายจำเลยจะหาเงินมาซื้อที่ดินและบ้านพิพาทคืน โดยจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์ทั้งหมด 80,000 บาท ภายในเวลา 2 เดือน แล้วโจทก์จะถอนฟ้องคดีนี้ แต่เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินภายในกำหนด โจทก์แถลงว่านัดนี้จะไม่ให้เวลาจำเลยอีก ถือได้ว่าโจทก์บอกเลิกข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและพิพากษาขับไล่จำเลยจึงไม่ชอบศาลจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป
พิพากษายืน.

Share