แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลย คืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้งยี่สิบเอ็ด คนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้เสียหายทั้งยี่สิบเอ็ด คนได้รับชดใช้เงินจนเป็นที่พอใจ และทำสัญญาประนีประนอมยอมความไม่เอาความทางแพ่งและทางอาญา กับจำเลย และได้ถอนคำร้องทุกข์แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องชดใช้เงิน ให้ผู้เสียหายทั้งยี่สิบเอ็ด คนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีกนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ระหว่างพิจารณา นางกรรณิการ์ศิริเมืองกับพวกผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6,17 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จึงให้ลงโทษ จำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 กล่าวคือ ความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้องเป็นความผิด 8 กรรม ให้เรียงกระทงลงโทษจำคุกกรรมละ 6 เดือน เป็นจำคุก 48 เดือน และความผิดฐานเป็นนายวงแชร์มากกว่าสามวงให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน รวมเป็นจำคุกจำเลย 50 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 25 เดือน และให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน จำนวน 1,770,800 บาท ที่ฉ้อโกงและยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย ทั้งยี่สิบเอ็ด คนตามบัญชีรายชื่อผู้เสียหายและจำนวนเงิน ท้ายฟ้องด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 100,99) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 102)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง เมื่อผู้พิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อใน คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 จำเลยก็ ไม่อาจฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือฎีกาในคำสั่งไม่อนุญาตของ ศาลชั้นต้นได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง