คำสั่งคำร้องที่ 1502/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลมีคำสั่งย่นระยะเวลาฎีกาลงเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2531 คดีถึงที่สุดแล้ว
จำเลยยื่นฎีกาเมื่อพ้นกำหนดแล้ว ไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2531 จำเลยยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2531 ถือว่าจำเลยได้ยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดอายุความ 1 เดือนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 กำหนดแล้วหากกฎหมายประสงค์จะให้ย่นระยะเวลาได้ก็คงจะบัญญัติข้อยกเว้นไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นให้ย่นระยะเวลาฎีกาให้สั้นเข้าจึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216วรรคแรก หากจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 มาใช้ก็ต้องเป็นกรณีที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติไว้เมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติไว้แล้วต้องถือตามโดยเคร่งครัด ประกอบกับการที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลว่าขอสละสิทธิที่จะฎีกาก็มิใช่ขอถอนฟ้อง จึงมิใช่ข้อห้ามมิให้ยื่นฎีกาภายในกำหนดอายุความฎีกา การที่ศาลได้ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดก่อนพ้นกำหนดอายุความฎีกาจึงเป็นการไม่ชอบ โปรดยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งให้ย่นระยะเวลายื่นฎีกาของจำเลย ให้เพิกถอนหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดและคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาจำเลยแล้วมีคำสั่งให้รับฎีกาจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 27)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,7,26,75,102 ฯลฯ จำคุก6 เดือน ปรับ 1,200 บาท จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ปรับ600 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 1 ปีไม่ปรับและไม่รอการลงโทษให้จำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2531
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2531 ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้จำเลย และหากจำเลยจะยื่นฎีกาก็จะยื่นภายในวันนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันนั้นว่าพิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรจึงให้ย่นระยะเวลาฎีกาลงเหลือเพียงให้คู่ความมีสิทธิยื่นฎีกาวันนี้เป็นวันสุดท้าย(อันดับ 19 แผ่นที่ 5, อันดับ 20)
ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดลงวันที่ 4กรกฎาคม 2531 ให้จำเลย (อันดับ 21)
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2531 ขอถอนคำร้องฉบับลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2531 อ้างว่าจำเลยสำคัญผิดในข้อกฎหมายและขอยื่นฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งว่า สั่งในฎีกาของจำเลย (อันดับ 24)
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 25)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 27)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แม้ศาลชั้นต้นจะรับฎีกาของจำเลยก็ไม่มีผลให้พิจารณาฎีกาของจำเลยได้ เพราะฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลให้ยกคำร้อง

Share