แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา คดีมีทางชนะ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 112)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 28,856 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และใช้เงินจำนวน 22,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27 พฤษภาคม2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 17,500 บาท แก่โจทก์ที่ 2 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 2
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินจำนวน49,772 บาท แก่โจทก์ที่ 1 พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 48,856 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 103,104)
จำเลยได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ โดยนำหลักทรัพย์มาวางเป็นประกันและได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 87,94)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนถึงวันทราบคำสั่งนี้และต่อไปอีก 2 ปี มาให้เป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง