คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574-2575/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46 ฉบับ ที่ 6 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2521 ที่ใช้บังคับอยู่ขณะเกิดเหตุ มุ่งประสงค์จะให้มีหลักฐานเป็นหนังสือโดยแจ้งชัดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างว่านายจ้างประสงค์จะให้ลูกจ้างคนใดทดลองปฏิบัติงานก่อนหรือไม่ เป็นระยะเวลาเท่าใด เพื่อขจัดความขัดแย้งที่อาจมีขึ้นภายหน้าอันเป็นการคุ้มครองลูกจ้าง การที่จำเลยผู้เป็นนายจ้างปิดประกาศข้อบังคับของจำเลยซึ่งมีข้อความระบุให้ผู้ซึ่งได้รับการบรรจุเข้าทำงานจะต้องทดลองปฏิบัติงานเป็นเวลาตามที่จำเลยเห็นสมควรแต่ไม่เกิน 180 วัน ไว้ ณ สถานที่ทำการของจำเลยจึงไม่ถือว่าเป็นการแจ้งทดลองปฏิบัติงานเป็นระยะเวลา 180 วัน เป็นหนังสือให้โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างทราบแล้ว โจทก์จึงมิใช่ลูกจ้างทดลองปฏิบัติงาน

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างประจำต่อมาจำเลยเลิกจ้างโดยโจทก์ทั้งสองไม่มีความผิด เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้าง และแจ้งเป็นหนังสือให้โจทก์ทั้งสองทราบแต่แรกว่าจะต้องทดลองงาน ๑๘๐ วัน ระหว่างทดลองงานโจทก์ทั้งสองเจียระไนเพชรเกิดความเสียหายแก่จำเลย จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองในระหว่างทดลองงาน จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ส่วนค่าเสียหายจำเลยจ่ายให้โจทก์ที่ ๑ไปแล้ว ๕,๐๐๐ บาท ทั้ง ๆ ที่โจทก์ที่ ๑ ไม่มีสิทธิได้รับขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองโดยมีเหตุผลมิใช่เลิกจ้างไม่เป็นธรรม ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนค่าชดเชยนั้น ปรากฏว่า จำเลยได้ปิดประกาศข้อบังคับว่าด้วยพนักงานและการทำงานของจำเลยซึ่งมีข้อความเขียนว่า “ผู้ซึ่งได้รับการบรรจุให้เข้าทำงานจะต้องเป็นพนักงานทดลองงานก่อน เป็นเวลาตามที่บริษัทเห็นสมควร แต่ไม่เกิน ๑๘๐ วัน ไว้แล้วตั้งแต่โจทก์ทั้งสองเข้าทำงานกับจำเลยแต่แรก โดยปิดประกาศไว้ที่บริเวณทางเข้าไปตอกบัตรเวลาทำงานของพนักงาน และบริเวณตรงที่รับเงินเดือนของพนักงาน จึงเท่ากับแจ้งเป็นหนังสือให้โจทก์ทั้งสองทราบแต่แรกแล้วว่า โจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างทดลองปฏิบัติงานเป็นเวลา ๑๘๐ วันจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสองระหว่างทดลองปฏิบัติงานจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสอง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลแรงงานกลางฟังมาว่า โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ เป็นลูกจ้างของจำเลยตั้งแต่วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๑ และวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๓๒ตามลำดับ ได้ค่าจ้างคนละ ๙๐ บาทต่อวัน และโจทก์ที่ ๑ ได้ค่าครองชีพอีกเดือนละ ๒๐๐ บาท ระหว่างทำงานปรากฏว่าโจทก์ที่ ๑และที่ ๒ ทำงานเจียระไนเพชรไม่ได้จำนวนตามมาตรฐานและทำให้เพชรเสียหาย จำเลยจึงได้เลิกจ้างโจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ เมื่อวันที่ ๗เมษายน ๒๕๓๒ และวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๓๒ ตามลำดับ จำเลยได้ปิดประกาศข้อบังคับว่าด้วยพนักงานและการทำงานของจำเลยตามเอกสารหมายล.๑ ซึ่งมีข้อความระบุให้ผู้ซึ่งได้รับการบรรจุเข้าทำงานจะต้องทดลองปฏิบัติงานเป็นเวลาตามที่จำเลยเห็นสมควร แต่ไม่เกิน ๑๘๐ วันไว้ ณ ที่ทำการของจำเลย โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ อุทธรณ์ว่า การแจ้งให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ ทราบว่าจะต้องทดลองปฏิบัติงานก่อนเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๑๘๐ วัน นั้น จำเลยจะต้องแจ้งให้ทราบเป็นหนังสือเฉพาะแต่ละบุคคลไป การที่จำเลยปิดประกาศข้อบังคับของจำเลยตามเอกสารหมายล.๑ ไว้ ณ สถานที่ทำงานของจำเลยไม่ถือว่าเป็นการแจ้งการทดลองปฏิบัติงานให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ ทราบแล้วนั้น เห็นว่า ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๔๖ฉบับที่ ๖ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุมุ่งประสงค์จะให้มีหลักฐานเป็นหนังสือโดยแจ้งชัดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างว่านายจ้างประสงค์จะให้ลูกจ้างคนใดทดลองปฏิบัติงานก่อนหรือไม่ หากมีจะเป็นระยะเวลาเท่าใด ทั้งนี้ เพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งอันอาจมีขึ้นในภายหน้าอันเป็นการคุ้มครองลูกจ้าง ดังนั้นการที่จำเลยปิดประกาศข้อบังคับของจำเลยตามเอกสารหมาย ล.๑ ไว้ณ สถานที่ทำงานของจำเลย จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการแจ้งการทดลองปฏิบัติงานเป็นระยะเวลา ๑๘๐ วัน เป็นหนังสือให้โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ทราบแล้ว โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ จึงมิใช่ลูกจ้างทดลองปฏิบัติฎีกาโจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ ฟังขึ้น และเมื่อจำเลยเลิกจ้างโดยโจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ มิได้กระทำความผิด โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย ๓๐ วัน
พิพากษากลับ ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ที่ ๑ จำนวน๒,๙๐๐ บาท และโจทก์ที่ ๒ จำนวน ๒,๗๐๐ บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก.

Share