แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองยื่นฎีกาและยื่นคำร้องขอทุเลา การบังคับในระหว่างฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาว่า ฎีกาของ จำเลยข้อ 2.1 ข้อ 2.3 และข้อ 2.4 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาข้อ 2.2 แม้เป็นฎีกาข้อกฎหมายแต่ก็ไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยสั่งไม่รับฎีกา และสั่งในคำร้อง ขอทุเลาการบังคับว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกา ไม่รับคำร้อง
จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาข้อ 2.1 ข้อ 2.3 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาข้อ 2.4 ค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้สูงเกินไปจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะโจทก์สืบไม่สม ส่วนฎีกาข้อ 2.2เป็นข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญแห่งคดี โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา และคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยทั้งสองไว้วินิจฉัยต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยทั้งสองพร้อมบริวารออกจากที่ดินพิพาทกับให้รื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดแล้วขนย้ายออกจากที่ดินพิพาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองเดือนละ 400 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองกับบริวารจะรื้อถอนบ้านและขนย้ายออกไปเป็นที่เรียบร้อย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาและคำร้องขอทุเลาการบังคับดังกล่าว (อันดับ 133,132)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 134,135)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยทั้งสองโต้แย้งในข้อ 2.1 ว่า โจทก์ทั้งสองมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทข้อ 2.3 ว่าจำเลยทั้งสองได้ครอบครองที่พิพาทโดยมีเจตนาเป็นเจ้าของ ข้อ 2.4 เกี่ยวกับดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ส่วนฎีกาในข้อ 2.2 ในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์ทั้งสองเป็น ฟ้องซ้ำนั้น ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้วในคดีนี้ว่า ฟ้องโจทก์ทั้งสองไม่เป็นฟ้องซ้ำให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ตามรูปคดี จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา จำเลยทั้งสองนั้นชอบแล้ว อนึ่ง เมื่อศาลฎีกาสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยทั้งสองแล้วก็ไม่มีเหตุที่จะทุเลาการบังคับ ให้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยทั้งสองเสีย ค่าคำร้องเป็นพับ