แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฟ้องพร้อมกับยื่นคำร้อง ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลภาษีอากรกลางไต่สวนแล้วเห็นว่า ไม่น่าเชื่อว่าโจทก์จะยากจนจริง เนื่องจากโจทก์ยังมีเงินส่วนลดที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยติดค้างอยู่ โจทก์ยังไม่ได้รับมา และปิดบังรายได้อันแท้จริงจากการขายทรัพย์สินของโจทก์ และเมื่อศาลฎีกาได้มีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในคดีที่บริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัด ซึ่งมีหุ้นส่วนผู้จัดการและผู้ชำระบัญชีเป็นคนเดียวกับของโจทก์แล้วโจทก์ก็สามารถนำเงินมาชำระค่าธรรมเนียมในคดีนี้ได้ จึงให้ยกคำร้อง หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน
โจทก์เห็นว่า ประการแรก เกี่ยวกับเงินส่วนลดที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยค้างอยู่ นั้น ผู้ชำระบัญชีโจทก์ยืนยันว่าได้รับแล้วหลังจากจดทะเบียนเลิกบริษัท
ประการที่สอง ที่ว่าโจทก์ปิดบังรายได้จากการขายทรัพย์สินเนื่องจากเป็นทรัพย์ที่อยู่ในสภาพเก่า เช่นโต๊ะ เก้าอี้ พิมพ์ดีดถ้าจะขายให้คนทั่วไปก็จะไม่มีใครซื้อ จำเป็นต้องขอร้องผู้ใกล้ชิดร่วมกันช่วยซื้อไป มิได้มีเจตนาขายในราคาค่อนข้างต่ำ
ประการที่สาม ที่ศาลภาษีอากรกลางเห็นว่าในคดีที่บริษัทในเครือโจทก์ เมื่อศาลฎีกาไม่ให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาก็สามารถนำเงินมาชำระได้นั้น เป็นคนละกรณีและคนละภาวะการณ์ ทั้งจำนวนทุนทรัพย์ก็น้อยกว่าในคดีนี้
โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาด้วย
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 38)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลภาษีอากรกลางไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ดังกล่าว (อันดับ 31)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 35)
คำสั่ง
พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว เห็นว่าโจทก์สามารถหาเงินมาชำระค่าธรรมเนียมศาลได้ ศาลภาษีอากรกลางให้ยกคำร้องของโจทก์เสียนั้นชอบแล้ว หากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันฟังคำสั่งนี้