แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าที่ดินจากวัดให้โจทก์ และโจทก์ได้ชำระเงินค่าโอนสิทธิการเช่าให้จำเลยบางส่วนแล้ว ข้อสัญญามีว่าหากจำเลยโอนสิทธิการเช่าดังกล่าวให้โจทก์ไม่ได้จำเลยต้องชำระค่าปรับ เมื่อปรากฏว่าจำเลยโอนสิทธิการเช่าที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ไม่ได้เนื่องจากทางวัดไม่ยินยอมให้โอน ดังนี้ ถือได้ว่าการชำระหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลยตกเป็นพ้นวิสัย เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมิได้ โจทก์และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ตอบแทนกัน ย่อมไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ซึ่งกันและกัน เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยต้องคืนเงินที่ได้รับไว้แก่โจทก์ และโจทก์ก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับจากจำเลย
เงินที่ต้องคืนเนื่องจากการเลิกสัญญามิใช่ลาภมิควรได้ จะนำอ:ายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๙ มาใช้บังคับมิได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เช่าที่ดินของวัดท่าถนนปลูกสร้างห้องแถว ได้ทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าที่ดินดังกล่าวให้โจทก์โดยจำเลยที่ ๑ จะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและส่งมอบที่ดินให้โจทก์ภายใน ๑๒๐ วัน โจทก์ชำระค่าตอบแทนให้จำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๕๔๐,๐๐๐บาท ชำระวันทำสัญญา ๑๔๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือชำระเมื่อจำเลยที่ ๑โอนสิทธิการเช่าให้โจทก์แล้ว หากจำเลยที่ ๑ โอนสิทธิการเช่าไม่ได้ต้องเสียค่าปรับเท่าจำนวนเงินที่ได้รับไป จำเลยที่ ๒ ทำสัญญาค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ไม่สามารถโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์เนื่องจากวัดท่าถนนไม่ยินยอม โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ขอให้จำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ คืนเงินที่ได้รับไปพร้อมดอกเบี้ยและชำระค่าปรับพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ ๑ มิได้ผิดสัญญาเหตุที่ไม่สามารถโอนสิทธิการเช่าได้เพราะโจทก์ขอให้จำเลยที่ ๑ระงับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไว้ก่อน เวลาล่วงเลยมาหลายปีจนวัดท่าถนนเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเช่า โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและทำให้จำเลยขาดประโยชน์ที่จะได้รับจากผู้อื่น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินมัดจำและค่าปรับ ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ชำระเงินค่าขาดประโยชน์ ๙๙,๖๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญาความเสียหายของจำเลยที่ ๑ ไม่เกี่ยวกับโจทก์ จำเลยที่ ๑ มิได้เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์๑๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องแย้ง
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่ว่า โจทก์หรือจำเลยที่ ๑เป็นฝ่ายผิดสัญญานั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ไม่สามารถโอนสิทธิการเช่าที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ได้ เนื่องจากวัดท่าถนนไม่ยินยอมให้โอนสิทธิการเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยที่ ๑ หลีกเลี่ยงไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับโจทก์ และจำเลยที่ ๑ ก็จะอ้างว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าการชำระหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ ตกเป็นพ้นวิสัย เนื่องจากเหตุอย่างอื่นอันจะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมิได้ โจทก์และจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ตอบแทนกันย่อมไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ซึ่งกันและกันเมื่อโจทก์บอกเบิกสัญญาโอนสิทธิการเช่าแล้วจำเลยที่ ๑ จึงต้องคืนเงินที่โจทก์ได้ชำระไปแล้วแก่โจทก์ และโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับจากจำเลย และการเรียกเงินคืนนี้เป็นกรณีที่โจทก์เรียกเงินคืนจากการเลิกสัญญามิใช่ฐานลาภมิควรได้ จะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๙ มาใช้บังคับมิได้
พิพากษายืน.