แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งหกฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยทั้งหกเรื่องผู้เสียหายและเรื่องริบของกลางมิได้มีเนื้อหาข้อกฎหมายและเฉพาะเรื่องรู้หรือไม่รู้ว่าเป็นสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ดังนั้นจึงไม่รับฎีกา
จำเลยทั้งหกเห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลที่จะต้องหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัย แม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ก็ตาม และว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลว่า คดีนี้ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์และมอบอำนาจให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีให้ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) อีกทั้งโจทก์ฟ้องอ้างว่า บริษัทอีเมอร์สันอีเลคทริค จำกัด เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าแฮร์รีส ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า บริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนไว้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทางพิจารณาจึงแตกต่างกับฟ้องในสาระสำคัญ บริษัทอีเมอร์สันอีเลคทริค จำกัด จึงไม่เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าแฮร์รีส เมื่อจำเลยที่ 3 จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแฮร์รีสไว้ในประเทศไทย จำเลยที่ 3 จึงเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าดังกล่าว จำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6ได้สั่งสินค้าของกลางซึ่งมีเครื่องหมายการค้าแฮร์รีสเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยและได้จำหน่ายให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยยืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5และที่ 6 ไม่รู้ว่าเป็นสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม การกระทำของจำเลยทั้งหกไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ประกอบกับศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยว่าเครื่องหมายการค้าแฮร์รีสเป็นของบริษัทผู้เสียหายและเป็นสินค้าปลอมจึงชอบที่ศาลอุทธรณ์สั่งคืนสินค้าของกลางให้จำเลยทั้งหก ไม่ควรริบของกลางเหล่านี้เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งหกไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272(1),273,275,83,32,91 ฯลฯ ริบของกลางระหว่างพิจารณา บริษัทอีเมอร์สันอีเลคทริค จำกัด ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ให้ริบสินค้าผิดกฎหมายของกลางทั้งหมด
โจทก์และจำเลยทั้งหกต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งหก
โจทก์และจำเลยทั้งหกต่างฎีกา โดยฎีกาของโจทก์อธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และเฉพาะฎีกาจำเลยทั้งหกศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 160,161แผ่นที่ 3)
จำเลยทั้งหกจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 166)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยทั้งหกฎีกาว่า โจทก์ร่วมมิใช่เจ้าของเครื่องหมายการค้าตามฟ้องจึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ได้ พยานหลักฐานของโจทก์กลับฟังได้ว่าเครื่องหมายการค้าเป็นของผู้อื่น ข้อเท็จจริงที่ได้ความจึงต่างกับฟ้องและของกลางมิใช่สินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมไม่เป็นสินค้าผิดกฎหมายอันจะพึงริบ นั้นฎีกาดังกล่าวทุกข้อล้วนเป็นฎีกาที่โต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ส่วนฎีกาข้อที่ว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย นั้น ปรากฏว่าศาลล่างทั้งสองได้ยกฟ้องโจทก์ คงให้ริบของกลางซึ่งเป็นสินค้าผิดกฎหมายและจำเลยก็ฎีกาเพียงขอให้คืนของกลางเท่านั้น เมื่อโจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 273,275 ซึ่งมิใช่ความผิดอันยอมความได้มาด้วย ปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยทั้งหกจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ที่แก้ไขแล้ว และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งหกชอบแล้ว ยกคำร้อง