แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาคำสั่ง ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ว่าจำเลยอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โดยเสียค่าขึ้นศาลไม่ครบและไม่นำมาวางภายในกำหนดอุทธรณ์ จึงไม่รับอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปศาลอุทธรณ์คำสั่งนี้จึงเป็นที่สุดตามมาตรา 236 ที่ศาลมีคำสั่งให้รับฎีกาคำสั่งของจำเลยจึงไม่ชอบ จึงให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้รับฎีกาคำสั่ง และที่ให้รับคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีเสีย และมีคำสั่งใหม่เป็นว่าไม่รับฎีกาคำสั่งและไม่รับคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีจำเลยทั้งสองเห็นว่า จำเลยอุทธรณ์คำสั่งในเหตุที่จำเลยทั้งสองได้ขอเลื่อนการพิจารณาคดี แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตส่วนศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งเพราะเหตุที่จำเลยได้ชำระค่าธรรมเนียมในภายหลังพ้นเวลา 1 เดือนแล้ว ซึ่งมิใช่เป็นคำสั่งที่เกี่ยวกับเนื้อหาของอุทธรณ์คำสั่งดังนั้น ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236 ขอได้โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 69)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาและไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14 ต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2530 จนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้1,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2531 ศาลชั้นต้นสั่งว่าให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์คำสั่งเสียก่อน และเสียค่าขึ้นศาลจำนวน 200 บาท เสร็จแล้วจึงจะมีคำสั่งในเรื่องอุทธรณ์ต่อไป (อันดับ 26)
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2531 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าครบกำหนดอุทธรณ์ 8 มกราคม 2531 จำเลยไม่นำเงินค่าขึ้นศาลมาวางภายในกำหนดอุทธรณ์ถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์จึงไม่รับอุทธรณ์คืนเงินค่าขึ้นศาลทั้งหมด (อันดับ 29)
หลังจากนั้นวันที่ 12 มกราคม 2531 จำเลยทั้งสองยื่นคำแถลงขอวางเงินค่าขึ้นศาล ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์แล้ว และจำเลยขอวางเงินเมื่อพ้นกำหนดอุทธรณ์แล้วจึงให้ยกคำแถลงและให้คืนเงินค่าขึ้นศาลทั้งหมดจำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จำเลยทั้งสองต้องเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (2) ข้อ (ก) เมื่อจำเลยทั้งสองไม่นำค่าขึ้นศาลจำนวนดังกล่าวมาวางศาลภายในกำหนดอุทธรณ์ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองชอบแล้วจึงให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 52,59)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 63)
คำสั่ง
กรณีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสองเสีย ค่าคำร้องเป็นพับ