แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลล่างต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249วรรคแรก จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด โจทก์เห็นว่า การที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริง เป็นยุติว่า จำเลยที่ 2 สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ให้แก่โจทก์จริงและได้วินิจฉัยว่า “เช็คมิใช่หนังสือรับสภาพหนี้หรือ เป็นการให้ประกันการชำระหนี้ในมูลหนี้เดิม”โดยมิได้ วินิจฉัยในประเด็นข้อกฎหมายต่อไปว่า “การกระทำของจำเลยที่ 2ซึ่งนำเช็คมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์นั้น เป็นการแสดงเจตนาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/24 หรือไม่”ซึ่งประเด็นนี้โจทก์ไม่สามารถยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เพราะพฤติการณ์ไม่เปิดช่องให้กระทำได้ เนื่องจาก ได้เกิดขึ้นภายหลังศาลล่างทั้งสองมีคำพิพากษาแล้วโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน1,900 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้อง(5 กรกฎาคม 2536) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์คำขอเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 นอกจากนี้ให้ยก ส่วนจำเลยที่ 1ให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2ชำระเงินแก่โจทก์ 1,900 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่ง นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 72) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 75)
คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่เท่ากับรับคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ที่โต้เถียงว่าจะต้องนำอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30มาใช้บังคับในกรณีหรือไม่นั่นเอง แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2วินิจฉัยว่าเป็นกรณีโจทก์ซึ่งเป็นพ่อค้าหรือผู้ประกอบการค้าฟ้องเรียกค่าบัตรเครดิตที่จำเลยทั้งสองซื้อจากโจทก์ไปอันเป็นการฟ้องเรียกเอาค่าทรัพย์ที่ส่งมอบ จึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 197/34(1)คดีโจทก์จึงขาดอายุความ การที่โจทก์กลับฎีกาโต้เถียงว่าจำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์ด้วยเช็คภายหลังหนี้ขาดอายุความแล้ว เป็นการที่จำเลยทั้งสองสละประโยชน์แห่งอายุความ ไม่มีสิทธิยกอายุความต่อสู้โจทก์ได้อีกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/24 ดังนี้จึงเป็นการยกข้ออ้างขึ้นใหม่ มิใช่ข้ออ้างที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 2 และโจทก์สามารถที่จะยกข้ออ้างดังกล่าวขึ้นว่ากล่าวได้ในชั้นอุทธรณ์แล้ว หาใช่เพราะ พฤติการณ์ไม่เปิดช่องให้กระทำได้ตามที่โจทก์อ้างไม่ ฉะนั้นฎีกาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง