แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทุกข้อ เป็นฎีกาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยในข้อ 2(2.2) ในประเด็นที่ว่า บาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับจากการทำร้ายของจำเลยเป็นบาดแผลสาหัสหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 81)
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายชานนท์คำมาหล้าผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 247(8) จำคุก 4 ปี จำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน เป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงาน ถือว่ากรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ให้ยกฟ้องฐานพยายามฆ่าเสีย
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 72)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 79)
คำสั่ง
ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าเป็นข้อกฎหมายนั้น เป็นเรื่องที่ บิดเบือนข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยเพื่อให้เป็นข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง