แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสามยื่นฎีกาสองฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 14พฤษภาคม 2533 ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกเฉพาะคำขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสามคนละไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฎีกาของจำเลยทั้งสามเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับ ฉบับที่สองลงวันที่ 17พฤษภาคม 2533 ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยทั้งสามเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงอันนำไปสู่ข้อกฎหมาย จึงต้องห้ามฎีกาตามเหตุผลที่ปรากฏในฎีกาของจำเลยทั้งสามฉบับลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2533 ไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสามเห็นว่า ฎีกาฉบับที่สองเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสามไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 108)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7),83 จำคุกคนละ 4 ปี ริบเครื่องมือแก้เครื่องยนต์ของกลางกับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน จำนวน 5,000 บาทแก่ผู้เสียหายให้ยกฟ้องในความผิดฐานรับของโจร
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า คำขอโจทก์ที่ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนอีก 5,000 บาทแก่ผู้เสียหายนั้นให้ยก นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามยื่นฎีกาสองฉบับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาทั้งสองฉบับดังกล่าว (อันดับ 105,106)
จำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 108)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย คู่ความจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลย ทั้งสามฎีกาว่า จำเลยทั้งสามไม่ได้เป็นคนร้ายตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษา และจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบว่า เห็นจำเลยทั้งสาม กำลังถอดเครื่องยนต์ จึงเข้าทำการจับกุม การกระทำดังกล่าวยังไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จ หากจะเป็นความผิดก็เป็นเพียงฐานพยายามกระทำความผิด ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่า เจ้าพนักงานตำรวจพบจำเลยทั้งสามอยู่บนเรือ และชิ้นส่วนของเรืออันเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันลักอยู่ด้วย จำเลยทั้งสามมีพฤติการณ์เชื่อได้ว่าเป็น คนร้ายร่วมกันลักทรัพย์ดังกล่าว หาได้ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสาม เพียงแต่กำลังถอดเครื่องยนต์โดยยังมิได้ลักทรัพย์อย่างอื่นดังที่ จำเลยทั้งสามเข้าใจและฎีกาขึ้นมาไม่ ฎีกาของจำเลยทั้งสาม ทั้งหมดจึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยทั้งสามชอบแล้ว ยกคำร้อง