คำสั่งคำร้องที่ 103/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า เนื่องจากโจทก์ในคดีนี้ได้โอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดที่มีต่อจำเลยให้แก่ผู้ร้อง ซึ่งเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์พ.ศ. 2541 มาตรา 7 ผู้ร้องในฐานะผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีความประสงค์ขอเข้าสวมสิทธิในการดำเนินคดีแทนโจทก์ โปรดมีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นโจทก์แทนโจทก์เดิมด้วย
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 300,941.51 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 213,700.20 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 31 มกราคม 2543)ไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์ ฯลฯ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว (อันดับ 29)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 36)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ได้โอนสิทธิเรียกร้องทั้งปวงที่โจทก์มีต่อลูกหนี้รวมทั้งจำเลยในคดีนี้ด้วย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2544 ผู้ร้องจึงเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์ในคดีนี้ได้ตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 มาตรา 7 จึงอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นโจทก์แทนธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน)ได้ตามคำร้อง

Share