คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4529/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

วันเกิดเหตุครั้งแรก เด็กหญิง น. ผู้เสียหายไปที่บ้านนาย ต. ได้พบ ต. และจำเลย จำเลยบอกให้ น. ไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่บริเวณบ้าน ต. แล้วจำเลยตามเข้าไปกระทำชำเรา น. ครั้งที่สอง น. ขี่รถจักรยานไปหาเพื่อนผ่านบ้าน ต. พบจำเลยจำเลยบอกให้ น. ไปรอที่ห้องน้ำในวัดแล้วจำเลยตามไปกระทำชำเรา น. ครั้งที่สามน. ขี่รถจักรยานกลับบ้านพบจำเลยบริเวณสะพานข้ามคลอง จำเลยบอกให้ น. ไปรอที่ห้องน้ำบ้าน บ. แล้วจำเลยตามไปกระทำชำเรา น. ที่เกิดเหตุทุกแห่งอยู่ใกล้เคียงกันและเป็นสถานที่ที่ น. ผ่านไปมาอยู่ตามปกติเป็นประจำ แม้จำเลยจะเป็นผู้สั่งให้ น. ไปรอ ณ ที่เกิดเหตุแต่เมื่อจำเลยกระทำชำเราแล้วจำเลยก็ปล่อยให้กลับบ้านโดยไม่ได้หน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือพาไปที่อื่นใดอีก แสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนามุ่งที่จะกระทำชำเรา น. อย่างเดียว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพรากเด็กไปเพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2542 เวลากลางวันจำเลยกระทำอนาจารแก่เด็กหญิงนิตยา กลิ่นชิด ผู้เสียหาย อายุ 13 ปีเศษ ด้วยการใช้มือโอบกอดโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมและไม่สามารถขัดขืนได้ และประมาณปลายเดือนกรกฎาคมต้นเดือนสิงหาคมและวันที่ 20 สิงหาคม 2542 เวลากลางวัน จำเลยโดยปราศจากเหตุอันสมควรได้พรากผู้เสียหายไปเสียจากนายบัตร กลิ่นชิด บิดาผู้เสียหาย เพื่อการอนาจารและตามวันเวลาดังกล่าวแต่ละครั้งจำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมและไม่สามารถขัดขืนได้ โดยจำเลยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ จนกระทั่งจำเลยสำเร็จความใคร่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,277, 278, 317, 91

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276วรรคแรก (ที่ถูกมาตรา 277 วรรคแรก), 279 (ที่ถูกมาตรา 279 วรรคสอง), 317 วรรคท้ายเป็นความผิดหลายกรรม เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จำคุก 6 เดือน ฐานกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตนจำคุกกระทงละ 4 ปีรวม 3 กระทงเป็นจำคุก 12 ปี ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร จำคุกกระทงละ5 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 15 ปี รวมโทษจำคุก 27 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 13 ปี 9 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจารทุกกระทงคงให้จำคุกจำเลยในความผิดฐานอื่น 6 ปี3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องจำเลยได้กระทำอนาจารแก่เด็กหญิงนิตยา กลิ่นชิด ผู้เสียหายซึ่งมีอายุไม่เกิน 15 ปี และกระทำชำเราผู้เสียหายโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมรวม 3 กระทงคงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ประการเดียวว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดาเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคท้าย หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ฟังมาได้ความว่า ในวันเกิดเหตุครั้งแรก เด็กหญิงนิตยา กลิ่นชิด ผู้เสียหายไปที่บ้านนายโต ได้พบนายโตและจำเลย จำเลยบอกให้ผู้เสียหายไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่บริเวณบ้านนายโตแล้วจำเลยตามเข้าไปกระทำชำเราผู้เสียหาย ครั้งที่สองผู้เสียหายขี่รถจักรยานไปหาเพื่อนผ่านบ้านนายโตพบจำเลย จำเลยบอกให้ผู้เสียหายไปรอที่ห้องน้ำในวัดบ้านขอแล้วจำเลยตามไปกระทำชำเราผู้เสียหายครั้งที่สามผู้เสียหายขี่รถจักรยานกลับบ้านพบจำเลยบริเวณสะพานข้ามคลอง จำเลยบอกให้ผู้เสียหายไปรอที่ห้องน้ำบ้านนายบูลย์แล้วจำเลยตามไปกระทำชำเราผู้เสียหาย จากคำเบิกความของพยานโจทก์ประกอบแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.10 ได้ความว่าที่เกิดเหตุทุกแห่งอยู่ใกล้เคียงกันและเป็นสถานที่ที่ผู้เสียหายผ่านไปมาอยู่ตามปกติเป็นประจำ แม้จำเลยจะเป็นผู้สั่งให้ผู้เสียหายไปรอจำเลย ณ ที่เกิดเหตุ แต่เมื่อจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายแล้วจำเลยก็ปล่อยให้ผู้เสียหายกลับบ้านโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้หน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือพาผู้เสียหายไปที่อื่นใดอีก การกระทำของจำเลยแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนามุ่งที่จะกระทำชำเราผู้เสียหายเพียงอย่างเดียวที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ฟังว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพรากเด็กไปเพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317 วรรคสาม นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share