แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองอ้างว่า จำเลยทำละเมิดโดยการฝังท่อระบายน้ำและเทพื้นถนนคอนกรีตรุกล้ำที่ดินโจทก์ ขอให้รื้อถอนท่อระบายน้ำและถนนคอนกรีตที่รุกล้ำออกจากที่ดิน จำเลยให้การว่า ทางพิพาทเป็นทางเกวียนสาธารณประโยชน์ที่มีอยู่ก่อนทางราชการออกโฉนดให้แก่โจทก์ จำเลยสร้างถนนและท่อระบายน้ำตามแนวเขตทางเดิม ก่อนและขณะก่อสร้างโจทก์ไม่เคยคัดค้าน จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นทางสาธารณประโยชน์เป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นได้ต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ย่อยาว
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๗๑/๒๕๕๖
วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖
เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน
ศาลจังหวัดชลบุรี
ระหว่าง
ศาลปกครองระยอง
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดชลบุรีโดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องคดีโต้แย้งอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ นายซิว แซ่ตั๊ง โจทก์ ยื่นฟ้องเทศบาลเมืองพนัสนิคม จำเลย ต่อศาลจังหวัดชลบุรีเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๗๓๙/๒๕๕๔ ความว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๕๙๙ ตำบลพนัสนิคม (วัดกลาง) อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี จำเลย ทำโครงการปรับปรุงถนนและท่อระบายน้ำโดยประมาทเลินเล่อมิได้มีการสอบเขตอย่างแน่ชัด ฝังท่อระบายน้ำและเทพื้นถนนคอนกรีตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ ๙๖ ตารางเมตร ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนท่อระบายน้ำและถนนคอนกรีตที่รุกล้ำออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า ทางพิพาทเป็นทางเกวียนสาธารณประโยชน์ที่มีอยู่ก่อนทางราชการออกโฉนดให้แก่โจทก์ จำเลยสร้างถนนและท่อระบายน้ำตามแนวเขตทางเดิม ทั้งก่อนก่อสร้างได้ออกตรวจสอบพื้นที่และปักหลักแนวเขต โจทก์ก็ไม่คัดค้าน และขณะก่อสร้างโจทก์ก็ไม่เคยคัดค้านเช่นกัน ถือว่าโจทก์ให้ความยินยอมในการปักหลักแนวเขตตลอดจนการก่อสร้างของจำเลย จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลจังหวัดชลบุรีพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์กับจำเลยโต้แย้งกันเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ซึ่งการที่ศาลจะมีคำพิพากษาตามคำฟ้องของโจทก์ได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หรือเป็นทางสาธารณประโยชน์ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินซึ่งต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๔ และประมวลกฎหมายที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองระยองพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลย ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อันเป็นหน่วยงานทางปกครอง โดยฟ้องว่า จำเลยก่อสร้างถนนและท่อระบายน้ำโดยประมาทเลินเล่อรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เนื่องจากมิได้มีการสอบแนวเขตที่ดินก่อนดำเนินการ อันเป็นการฟ้องว่า จำเลยกระทำการโดยใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมายซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครอง อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ถึงแม้ในการวินิจฉัยประเด็นพิพาทว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่นั้น ศาลจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือเป็นทางสาธารณประโยชน์ (ทางเกวียนสาธารณประโยชน์เดิม) ก็ตาม แต่ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดที่ห้ามมิให้ศาลปกครองแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเป็นมาของที่ดิน และประเด็นดังกล่าวซึ่งเป็นการวินิจฉัยถึงสถานะทางกฎหมายของที่ดินว่าเป็นที่ดินของเอกชนหรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้น เป็นเพียงประเด็นเบื้องต้นที่ศาลจะต้องนำมาประกอบการพิจารณาวินิจฉัยประเด็นพิพาทที่ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ อันเป็นประเด็นหลักที่ศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาด คดีจึงอยู่ในอำนาจศาลปกครอง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้แม้จำเลยจะเป็นหน่วยงานทางปกครองก็ตาม แต่คำฟ้องโจทก์อ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดแต่จำเลยได้ทำโครงการปรับปรุงถนนและท่อระบายน้ำโดยประมาทเลินเล่อมิได้มีการสอบเขตอย่างแน่ชัด ฝังท่อระบายน้ำและเทพื้นถนนคอนกรีตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ ๙๖ ตารางเมตร ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนท่อระบายน้ำและถนนคอนกรีตที่รุกล้ำออกจากที่ดินของโจทก์ ส่วนจำเลยให้การว่า ทางพิพาทเป็นทางเกวียนสาธารณประโยชน์ที่มีอยู่ก่อนทางราชการออกโฉนดให้แก่โจทก์ จำเลยสร้างถนนและท่อระบายน้ำตามแนวเขตทางเดิม ทั้งก่อนก่อสร้างจำเลยได้ออกตรวจสอบพื้นที่และปักหลักแนวเขต โจทก์ก็ไม่คัดค้าน และขณะก่อสร้างโจทก์ก็ไม่คัดค้านเช่นกัน ถือว่าโจทก์ให้ความยินยอมในการปักหลักแนวเขตตลอดจนการก่อสร้างของจำเลย จึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินส่วนพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นทางสาธารณประโยชน์เป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นได้ต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่างนายซิว แซ่ตั๊ง โจทก์ เทศบาลเมืองพนัสนิคม จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) ไพโรจน์ วายุภาพ (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายไพโรจน์ วายุภาพ) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) พลโท สุขสันต์ สิงหเดช (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(สุขสันต์ สิงหเดช) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ