แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องกรมที่ดิน จำเลยซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ส่วนอธิบดีและรองอธิบดีกรมที่ดินเป็นข้าราชการในสังกัดของจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว การที่รองอธิบดีกรมที่ดินซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมที่ดินออกคำสั่งเพิกถอนและแก้ไขรูป แผนที่และเนื้อที่ใน น.ส.๓ ก ของโจทก์ ตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๑๘๒๕/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๐ และคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๑๘๒๖/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๐ จำนวน ๑๕ ฉบับ โดยใช้อำนาจตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นคำสั่งทางปกครอง ตามนัยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยโดยโต้แย้งว่าจำเลยไม่อาจเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) ดังกล่าวได้ เพราะเป็นการออกเอกสารสิทธิที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จึงเป็นการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งทางปกครอง อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งโจทก์มิได้มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาสาธารณประโยชน์หรือเป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชนรายหนึ่งรายใด คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการด้วยการออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับโจทก์มีคำขอให้ชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการออกคำสั่งเพิกถอนและแก้ไขหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ อันเป็นกรณีเกี่ยวกับการทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากคำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง