แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่เอกชนยื่นฟ้อง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาบางเขน ที่ ๑ องค์การคลังสินค้า ที่ ๒ จำเลย ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการที่จำเลยที่ ๑ หักเงินตามมูลค่าสลาก ออมทรัพย์ทวีสินของโจทก์ที่ให้ไว้แก่จำเลยที่ ๑ เพื่อเป็นหลักประกันในการที่จำเลยที่ ๑ ออกหนังสือค้ำประกันให้ไว้ต่อจำเลยที่ ๒ เพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาฝากเก็บรักษาข้าวสาร (โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗) โดยโจทก์ทำหนังสือค้ำสัญญายอมชดใช้ความเสียหายให้ไว้แก่จำเลยที่ ๑ เห็นว่า หนังสือค้ำสัญญายอมชดใช้ความเสียหายของโจทก์ เป็นสัญญาที่โจทก์ทำต่อจำเลยที่ ๑ เพื่อค้ำประกันจำเลยร่วม หากจำเลยร่วมผิดสัญญาฝากเก็บรักษาข้าวสาร จนเป็นเหตุให้จำเลยที่ ๑ ได้รับความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดอันเนื่องมาจากการค้ำประกันจำเลยร่วม หรือ จำเลยที่ ๑ ต้องชำระหนี้แทนตามภาระผูกพันในหนังสือค้ำประกัน โจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ ๑ หักสลากออมทรัพย์ที่โจทก์ใช้เป็นหลักประกัน มิใช่สัญญาที่โจทก์ทำกับจำเลยที่ ๒ ว่าหากจำเลยที่ ๑ ผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้แทนจำเลยร่วม โจทก์จะเข้าชำระหนี้แทน สัญญาดังกล่าวจึงมิใช่สัญญาค้ำประกันของผู้ค้ำประกันตามมาตรา ๖๘๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่จะเป็นสัญญาอุปกรณ์ของสัญญาฝากเก็บรักษาข้าวสาร แต่เป็นสัญญาที่โจทก์ทำกับจำเลยที่ ๑ โดยยินยอมจะชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ ๑ เพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยร่วมที่ให้ไว้แก่จำเลยที่ ๑ ซึ่งแยกออกจากสัญญาฝากเก็บรักษาข้าวสาร และสัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ ๑ ทำต่อจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นสัญญาอุปกรณ์ เมื่อสัญญาพิพาทในคดีนี้เป็นสัญญาที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเป็นเอกชน และมีวัตถุแห่งสัญญาเป็นการค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยร่วมที่มีต่อจำเลยที่ ๑ จึงเป็นความสัมพันธ์ของเอกชนในทางแพ่ง ไม่เข้าลักษณะเป็นสัญญาทางปกครองตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓ สัญญาพิพาทจึงเป็นสัญญาทางแพ่งที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม